วิจิตร เกตุแก้ว

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

เนื่องจากบทความนี้ถูกก่อกวนหลายครั้งติดต่อกัน การแก้ไขจากผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนหรือผู้ใช้ใหม่ไม่สามารถทำได้ชั่วคราว
คุณสามารถแสดงความเห็นหรือเสนอข้อความได้ในหน้าอภิปราย ขอให้ยกเลิกการป้องกัน หรือลงทะเบียนโดยสร้างชื่อผู้ใช้

วิจิตร เกตุแก้ว ในงานแถลงข่าว การจ่ายเงินรางวัลและเงินบำรุงให้ทีมในไทยลีกที่ล่าช้า

ดาโต๊ะ วิจิตร เกตุแก้ว (เกิด 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2481) เป็น นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 และในปี พ.ศ. 2548 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดสุพรรณบุรี ในนาม พรรคไทยรักไทย นายวิจิตร เริ่มต้นชีวิตในวงการฟุตบอล ด้วยการเป็น ผู้ตัดสินการแข่งขันฟุตบอล วิจิตรรู้จักในสื่อมวลชนในชื่อ "วีเจ" และเคยรับราชการที่กรมพละ และเคยเป็นอุปนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ก่อนเป็นนายกสมาคมฟุตบอล

ในช่วงการดำรงของวิจิตรนั้นทีมชาติไทยได้รับการจัดอันดับโลกฟีฟ่า มีอันดับสูงสุดและต่ำสุดในประวัติฟุตบอลไทย โดยสูงสุดที่อันดับ 43 ของโลก (ก.ย. 2541) และต่ำสุดที่ 137 ของโลก (ธ.ค. 2549)

ประวัติการศึกษา

วิจิตร เกตุแก้ว เกิดเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2481 ที่อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี จาก ภาควิชาพลศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2518

ต่อมาได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาวิชาพลศึกษาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง

ตำแหน่งดาโต๊ะ

วิจิตร เกตุแก้วได้รับตำแหน่งดาโต๊ะจากกษัตริย์แห่งมาเลเซียทรงโปรดเกล้าพระราชทานตำแหน่งให้ ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นผู้พัฒนาวงการลูกหนังในอาเซียนให้มีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมภูมิภาคอื่น ซึ่งเป็นบุคคลเดียวในวงการฟุตบอลที่ได้รับตำแหน่งนี้จากกษัตริย์มาเลเซีย ภายหลังจากที่ฟุตบอลทีมชาติไทยมีผลงานในระดับตั้งแต่ช่วงที่วิจิตรได้เป็นนายกสมาคม ไม่ว่าเหรียญทองในซีเกมส์ 7 สมัย ชนะเลิศไทเกอร์คัพ 3 สมัย ฟุตบอลชายหาดชิงแชมป์โลก ได้อันดับสี่ และ ฟุตซอลทีมชาติไทยเข้าร่วมแข่งขันฟุตซอลโลก 2 ครั้ง

เอเชียนเกมส์ 1982

เหตุการณ์ที่ทำให้นายวิจิตรเป็นที่รู้จักต่อสาธารณะครั้งแรก คือ การแข่งขันฟุตบอลชาย ในกีฬาเอเชียนเกมส์ 1982 (พ.ศ. 2525) นายวิจิตร ได้ถูก เจ้าหน้าที่ทีม นักฟุตบอล และ แฟนฟุตบอลทีมชาติเกาหลีเหนือ รุมทำร้ายร่างกายอย่างหนัก ด้วยไม้ เก้าอี้ และพลาสติกแข็ง จนได้รับบาดเจ็บ ต้องเย็บแผลถึง 21 เข็ม ภายหลังการแข่งขัน สาเหตุเนื่องมาจาก นายวิจิตร ได้ตัดสินให้ลูกโทษที่จุดโทษ แก่ ทีมชาติคูเวต ก่อนหมดเวลา ทำให้ ทีมชาติคูเวต ชนะไป 3 ประตู ต่อ 2 โดยทาง ทีมชาติเกาหลีเหนือ กล่าวหาว่า นายวิจิตร รับสินบนจาก ทีมชาติคูเวต ต่อมา สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย ได้ตัดสินให้ปรับ ทีมชาติเกาหลีเหนือ ตกรอบ และ ห้ามเกี่ยวข้องกับวงการฟุตบอล 2 ปี โดยข่าวนี้ ถูกจัดให้เป็น ข่าวอันดับ 8 จาก 10 อันดับ ข่าวดังกีฬาโลก โดย สำนักข่าวเอพี ด้วย^[1]

ตำแหน่งในสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย

หลังจากเหตุการณ์เอเชียนเกมส์ 1982 ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสิน นายวิจิตรได้เข้ารับตำแหน่งเลขาธิการ สมาคมฟุตบอลฯ และ ขึ้นเป็น นายกสมาคมฯ ในเวลาต่อมา จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ วิจิตรร่วมกับ"บิ๊กหอย" ธวัชชัย สัจจกุลผลักดันทีมชาติไทยชุดดรีมทีม ที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จในอดีต ^[2] และในปีพ.ศ. 2545 นายกวิจิตร เกตุแก้วร่วมกับวรวีย์ มะกูดี เสนองบให้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยและฟีฟ่าบริจาคที่ดินจำนวน 20 ไร่ เพื่อสร้างศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ ซึ่งเป็นที่เก็บตัวนักฟุตบอลทีมชาติไทย 12 ชุด อย่างเป็นทางการแห่งแรกในประเทศไทย ^[3]

โลโกของกลุ่มผู้ประท้วงเพื่อแสดงการขับไล่ นายวิจิตร เกตุแก้ว ออกจากตำแหน่ง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นภาพจากการแสดงป้ายประท้วง ในสนามฟุตบอล

ในช่วงหลังที่ผ่านมาได้มีการเคลื่อนไหวเพื่อขับไล่นายวิจิตรมีการแสดงป้ายผ้า สวมเสื้อที่สกรีนข้อความขับไล่ รวมถึงการตะโกนประท้วง โดย กลุ่มกองเชียร์ทีมชาติไทยจำนวน 15 คน ในการแข่งขันฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศ เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก ระหว่างทีมชาติไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2546 แต่ทุกเหตุการณ์ก็จบลงด้วยดี โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ขอโทษต่อนายวิจิตร เกตุแก้ว และให้เหตุผลในการสัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ว่า "คุณวิจิตร เป็นผู้ใหญ่แล้ว การกระทำเพื่อการขับไล่นายวิจิตรนั้น ทำให้คุณวิจิตรเสียชื่อเสียง" ซึ่งนายวิจิตร เกตุแก้ว ก็ไม่ได้เอาเรื่องหรือดำเนินคดีใดๆกับผู้ประท้วงแต่อย่างใด และแกนนำยังได้สัญญาว่าจะไม่ให้มีการประท้วงขับไล่นายกสมาคมฟุตบอลอีก และนับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีเหตุการณ์ประท้วงนายกสมาคมฟุตบอลจนถึงปัจจุบัน ^[4] ^[5] ^[6] ^[7]

ในเรื่องตัวเลขงบดุลที่มีข้อกังขานั้น นายวิจิตร ได้ชี้แจงสรุปงบดุลของสมาคมฯ ปรากฎว่า สมาคมฟุตบอลมีรายรับสูงกว่ารายจ่ายประมาณ 1,166,765.43 บาท พร้อมกันนี้ ได้แต่งตั้ง พันตรี ประชา ธรรมโชติ เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีอีกวาระหนึ่ง ^[8]

เมื่อปี พ.ศ. 2549 นายวิจิตร ได้ถูกกล่าวหา เกี่ยวกับ เงินพิเศษ ที่จะต้องมอบให้ทีมที่ร่วม การแข่งขันฟุตบอลไทยลีก โดยสโมสรที่ชนะเลิศไม่ได้รับเงินรางวัล และยังมีหลายสโมสรที่ไม่ได้เงินบำรุง ^[9]