แฮร์รี่ พอตเตอร์ (ตัวละคร)
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
- หน้านี้กล่าวถึง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ในฐานะตัวละครเท่านั้น สำหรับหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ดูรายละเอียดใน แฮร์รี่ พอตเตอร์
ตัวละครในหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ | |
แดเนียล แรดคลิฟฟ์แสดงเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ ในภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี |
|
แฮร์รี่ เจมส์ พอตเตอร์ | |
---|---|
เพศ | ชาย |
สีผม | สีดำ |
สีนัยน์ตา | สีเขียว¹ |
บ้าน | กริฟฟินดอร์ |
เชื้อสาย | เลือดผสม |
ภักดีต่อฝ่าย | อัลบัส ดัมเบิลดอร์ / ภาคีนกฟีนิกซ์ / กองทัพดัมเบิลดอร์ |
ผู้แสดงในภาพยนตร์ | แดเนียล แรดคลิฟฟ์ |
ปรากฎตัวครั้งแรกใน | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ |
แฮร์รี่ เจมส์ พอตเตอร์เกิดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2523 (วันเดือนเดียวกับผู้แต่ง เจ. เค. โรว์ลิ่งได้เขียนให้แฮร์รี่เกิดวันเดียวกันกับเธอ) เป็นลูกชายคนเดียวของเจมส์ พอตเตอร์และลิลี่ พอตเตอร์ เป็นตัวละครเอกในหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์
แฮร์รี่ พอตเตอร์ แสดงโดยแดเนียล แรดคลิฟฟ์ ในภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ทุกภาคที่สร้างมา
หมายเหตุ¹: สีนัยน์ตาของแฮร์รี่ถูกพรรณาว่าเป็นสีเขียว แต่ในภาพยนตร์นั้นผู้แสดงเป็นแฮร์รี่ แดเนียล แรดคลิฟฟ์มีนัยน์ตาเป็นสีฟ้า
สารบัญ |
[แก้] ชีวประวัติ
แฮร์รี่นั้นมีชื่อเสียงโด่งดังจากการที่เขาเผชิญหน้ากับเจ้าแห่งศาสตร์มืดที่ชั่วร้ายที่สุด ลอร์ดโวลเดอมอร์ซึ่งเป็นพ่อมดศาสตร์มืดที่น่าเกรงขามที่สุดในสังคมผู้วิเศษและเป็นตัวร้ายหลักของเรื่อง การเผชิญหน้าระหว่างเขาทั้งสองครั้งแรกคือเมื่อตอนแฮร์รี่มีอายุเพียงแค่หนึ่งปี ทำให้โวลเดอมอร์สูญเสียพลังอำนาจทั้งหมดและทำให้วิญญาณของเขาถูกกระชากออกมาจากร่าง อย่างไรก็ตามโวลเดอมอร์รอดชีวิต
เจมส์และลิลี่ พอตเตอร์ พ่อแม่ของแฮร์รี่ถูกสังหารโดยโวลเดอมอร์ใน พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) ขณะที่พยายามที่จะปกป้องลูกของพวกเขา แฮร์รี่จากโวลเดอมอร์ เจมส์ถูกสังหารก่อน ตามด้วยลิลี่ ผู้ที่ปกป้องลูกชายของเธอด้วยการนำตัวเข้าไปขวางคำสาปพิฆาตจากโวลเดอมอร์ขณะพยายามฆ่าแฮร์รี่ การกระทำดังกล่าวทำให้เกิดพันธะลึกลับปกป้องซึ่งเกิดขึ้นมาจากความรักของแม่ และทำให้คำสาปพิฆาต "อะวาดา เคดาฟ-รา" ซึ่งโวลเดอมอร์เป็นผู้สาปมีผลสะท้อนกลับมายังตัวของเขาเอง และทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส และสูญเสียพลังทั้งหมดที่เขาเคยมี ในหนังสือเล่มที่สอง แฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับ แฮร์รี่บอกกับโวลเดอมอร์ว่า "ไม่มีใครรู้ว่าทำไมคุณถึงสูญเสียพลังอำนาจของคุณไปเมื่อคุณทำร้ายผม ผมไม่รู้ด้วยซ้ำไป แต่ผมรู้ว่าทำไมคุณฆ่าผมไม่ได้..." ในเมื่อโวลเดอมอร์ไร้พลังอำนาจแล้ว จึงจำเป็นต้องหลบซ่อนตัว ในขณะที่แฮร์รี่กลายเป็นผู้ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักในโลกผู้วิเศษว่าเป็น "เด็กชายผู้รอดชีวิต" และมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นแผลเป็นรูปสายฟ้าที่คำสาปของโวลเดอมอร์ทำกับแฮร์รี่ไว้ตรงกลางหน้าผาก
หลังจากที่พ่อแม่ของแฮร์รี่เสียชีวิต เขาได้ถูกรับเลี้ยง (หรือถูกฝากเลี้ยง) โดยเพ็ตทูเนียและเวอร์นอน เดอร์สลีย์ ผู้ที่คอยดูแลประคบประหงมแต่ลูกชายของพวกเขาดัดลีย์ และพยายามลบทุกหลักฐานที่บ่งบอกว่าเขามีพลังเวทมนตร์และบังคับให้เขาเป็น "ปกติ" ที่สุด โดยให้เขาปลีกตัวจากสังคมแทบทุกชนิดโดยเฉพาะสังคมผู้วิเศษ
[แก้] ชีวิตและการผจญภัยของแฮร์รี่ที่ฮอกวอตส์
แฮร์รี่ไม่เคยทราบเลยว่าเขาเป็นพ่อมดจนกระทั่งเขาอายุสิบเอ็ดปี จนกระทั่งรูเบอัส แฮกริด ผู้ดูแลสัตว์ของฮอกวอตส์และคนสนิทของอัลบัส ดัมเบิลเดอร์อธิบายความเป็นมาของแฮร์รี่ให้ฟังรวมถึงเล่าถึงสังคมผู้วิเศษอีกด้วย
หลังจากที่แฮร์รี่รับรู้ถึงเรื่องดังกล่าว เขาจึงเริ่มศึกษาต่อที่โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ เขาถูกหมวกคัดสรรเลือกให้ไปอยู่ประจำบ้านกริฟฟินดอร์ และเป็นเพื่อนกับรอน วีสลีย์และเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ในเวลาต่อมา เขาอยู่ประจำหอนอนเดียวกับรอน, เนวิลล์ ลองบัตท่อม, เชมัส ฟินนิกันและดีน โทมัส
แต่แฮร์รี่ไม่ได้หลงระเริงอยู่กับชื่อเสียงโด่งดังของเขาแต่อย่างใด แม้ว่ากิลเดอรอย ล็อกฮาร์ตและคอลิน ครีฟวีย์ในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับ จะคอยย้ำเตือนแฮร์รี่อยู่เป็นพักๆ ว่าเขามีชื่อเสียงโด่งดังมากขนาดไหน ซึ่งทำให้แฮร์รี่รำคาญเป็นอย่างมาก เนื่องจากชื่อเสียงเหล่านี้ แลกมาด้วยความคลั่งไคล้ในแฮร์รี่หรือความเกลียดชังในตัวแฮร์รี่จากหลายต่อหลายคน
แฮร์รี่มีเกราะคุ้มกันวิเศษซึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากสายใยความรักของลิลี่และการสละชีพของเธอซึ่งจะช่วยเขาอีกครั้งในสิบปีต่อมาในหนังสือเล่มแรกของชุด เมื่อลอร์ดโวลเดอมอร์แอบแทรกซึมเข้ามาในโลกผู้วิเศษอีกครั้งเพื่อตามหาศิลาอาถรรพ์ โดยใช้อาจารย์ของฮอกวอตส์ ศาสตราจารย์ควีเรลล์เป็นร่างสถิต โวลเดอมอร์เข้ามาในฮอกวอตส์เพื่อตามหาศิลา แต่แฮร์รี่สามารถเข้ามาขัดขวางเขาได้ และเผชิญหน้ากับโวลเดอมอร์อีกครั้ง แฮร์รี่รอดมาอีกครั้งเนื่องจากเกราะคุ้มกันนั้นป้องกันไม่ให้โวลเดอมอร์และร่างสถิตแตะต้องตัวของแฮร์รี่ได้ โวลเดอมอร์ทิ้งร่างสถิตไปหลังจากที่การพยายามฆ่าแฮร์รี่และขโมยศิลาอาถรรพ์มาไม่สำเร็จ ปล่อยให้ควีเรลล์ตาย
ในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งอัซคาบัน นิสัยของแฮร์รี่เริ่มเปลี่ยนไป อารมณ์โกรธของเขารุนแรงขึ้นเนื่องจากเขาเชื่อว่าซิเรียส แบล็กนั้นเป็นผู้รับผิดชอบในการทรยศพ่อแม่ของเขา และไปอยู่ฝ่ายเดียวกับโวลเดอมอร์ จนกระทั่งแฮร์รี่พบว่าซิเรียสนั้น เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของพ่อของเขา และยังเป็นพ่อทูนหัวของเขาอีกด้วย และแฮร์รี่ก็พบว่าไม่ใช่ซิเรียสที่เป็นคนทรยศพ่อแม่ของเขา แต่เป็นข้ารับใช้ของลอร์ดโวลเดอมอร์และอดีตเพื่อนของพ่อของเขาและซีเรียส ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ ในตอนท้ายของเล่ม ซิเรียสเสนอสิ่งที่แฮร์รี่ปรารถนามาตลอดชีวิต ให้ไปอยู่กับเขาในบ้านที่ห่างไกลจากครอบครัวเดอร์สลีย์ แฮร์รี่ตอบรับข้อเสนอในทันที แต่เสียโอกาสนี้ไปเนื่องจากซิเรียสจำเป็นต้องหนีจากการจับกุมของทางการที่ยังเชื่ออยู่ว่าแบล็กเป็นฆาตกร
ในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี เขากลายเป็นจุดสนใจของคนรอบข้างอีกครั้ง เมื่อเขากลายเป็นผู้เข้าแข่งขันในการประลองเวทย์ไตรภาคี ซึ่งทำให้เพื่อนร่วมบ้านกริฟฟินดอร์ของเขาต่างยินดี ยกเว้นรอน ผู้ที่เห็นว่าเป็นฟางเส้นสุดท้ายในการที่แฮร์รี่เด่นกว่าเขาในทุกๆ เรื่อง รวมถึงบ้านอื่นๆ ที่คิดว่าเขาต้องการเรียกร้องความสนใจ โดยเฉพาะบ้านฮัฟเฟิลพัฟที่มีเซดริก ดิกกอรี่ที่เป็นตัวแทนของฮอกวอตส์อีกคนหนึ่ง แฮร์รี่คืนดีกับรอนในเวลาต่อมา เนื่องจากรอนเห็นแล้วว่าการประลองดังกล่าวอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ในขณะเดียวกันแฮร์รี่และเพื่อนก็สงสัยว่าใครเป็นคนหยอดชื่อของเขาลงไปในถ้วยอัคนี แต่หลังจากที่แฮร์รี่เผชิญหน้ากับลอร์ดโวลเดอมอร์ผู้กลับคืนชีพอีกครั้ง เขาจึงทราบว่าเป็นแผนของโวลเดอมอร์ ในการเผชิญหน้าครั้งนี้แฮร์รี่รอดมาได้อย่างหวุดหวิดจากการที่ไม้กายสิทธิ์ของเขามีแกนกลางเป็นขนนกฟินิกซ์เหมือนกับโวลเดอมอร์ซึ่งทำให้เกิดปรากฎการณ์ประหลาดซึ่งสะท้อนผลของคาถาซึ่งกันและกัน แต่ก็ต้องแลกกับการตายของเซดริกและเกราะคุ้มกันตัวแฮร์รี่ที่ถูกทำลายโดยเลือดของเขาเอง และความไว้ใจของแฮร์รี่ยังถูกทดสอบอีกครั้งเมื่อรู้ว่าศาสตร์จารย์มู้ดดี้ที่แฮร์รี่นับถือ แท้ที่จริงแล้วเป็นผู้เสพความตายปลอมตัวมาและทำให้แฮร์รี่เกือบตกอยู่ในอันตรายสูงสุด แต่ก็ถูกช่วยไว้ได้อีกครั้งโดยดัมเบิลดอร์
ต่อมาในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟินิกซ์ แฮร์รี่เริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่พร้อมกับอารมณ์ที่รุนแรงขึ้นไปอีก ซึ่งเพื่อนๆ ของเขา รอนและเฮอร์ไมโอนี่มักประสบกับการตะคอกใส่โดยแฮร์รี่ตลอดทั้งปี ในปีนี้แฮร์รี่ต้องเผชิญกับการโจมตีอย่างหนักจากสื่อมวลชนซึ่งถูกกดดันโดยกระทรวงเวทมนตร์เนื่องจากการที่แฮร์รี่บอกว่าโวลเดอมอร์กลับมาในปีที่แล้ว และฮอกวอตส์ก็ถูกแทรงแซงโดยคอร์นีเลียส ฟัดจ์ รัฐมนตรีกระทรวงเวทย์มนตร์ โดยการออกกฤษฎีกาการศึกษาออกมา รวมถึงการส่งตัวโดโลเรส อัมบริดจ์ อาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนใหม่ซึ่งกลายมาเป็นผู้ตรวจการใหญ่ของฮอกวอตส์ในเวลาต่อมา ซึ่งเธอได้สร้างความลำบากให้แก่แฮร์รี่เป็นอย่างมาก เพราะเธอทำวิถีทางเพื่อไม่ให้นักเรียนได้เรียนรู้วิชาที่เธอสอนในภาคปฏิบัติ เนื่องจากฟัดจ์กลัวว่าดัมเบิลดอร์จะจัดตั้งกองทัพเพื่อโค่นล้มเขา รวมถึงลงโทษแฮร์รี่ในการที่แฮร์รี่พูดว่าโวลเดอมอร์กลับมาแล้ว ยังดีที่เฮอร์ไมโอนี่เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งชั้นเรียนลับๆ ขึ้นเรียกว่ากองทัพดัมเบิลดอร์ ซึ่งสอนโดยตัวของแฮร์รี่เอง ชั้นเรียนดังกล่าวเป็นตัวช่วยลดความกดดันในตัวแฮร์รี่ได้มากทีเดียว นอกจากนี้เขาพบว่าเขามีความสามารถใหม่ในการรับรู้ถึงอารมณ์ของลอร์ดโวลเดอมอร์ แต่หารู้ไม่ว่าโวลเดอมอร์นั้นก็รับรู้ถึงอารมณ์ของแฮร์รี่ด้วยซึ่งทำให้แฮร์รี่ตกอยู่ในอันตรายเพราะความสามารถนี้ในเวลาต่อมา ในขณะเดียวกันภาคีนกฟีนิกซ์ก็ถูกรวบรวมและจัดตั้งขึ้นโดยดัมเบิลดอร์อีกครั้ง จนกระทั่งแฮร์รี่ทราบว่าซิเรียสหายตัวไป เขาและเพื่อนๆ รวมชั้นกองทัพดัมเบิลดอร์จึงเสี่ยงชีวิตเขาไปในกระทรวงเวทมนตร์เพื่อตามหาเขา แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นกับดักและแผนของลอร์ดโวลเดอมอร์ที่ต้องการคำพยากรณ์ที่ซีบิลล์ ทรีลอว์นีย์ทำนายไว้จากแฮร์รี่ เขาถูกช่วยจากบรรดาผู้เสพความตายอีกครั้งโดยเหล่าสมาชิกภาคีนกฟินิกซ์รวมถึงซิเรียสและดัมเบิลดอร์เอง เหล่าผู้เสพความตายและโวลเดอมอร์พ่ายแพ้ แต่ต้องแลกกับการสูญเสียซิเรียส แบล็กที่เป็นที่รักยิ่งของแฮร์รี่ ซึ่งทำให้อารมณ์ของแฮร์รี่ตกต่ำลงอย่างมาก และเพิ่มความกดดันในตัวแฮร์รี่ที่จะต้องเอาชนะศาสตร์มืดให้ได้
และในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม สังคมผู้วิเศษยอมรับความจริงเรื่องการกลับมาของลอร์ดโวลเดอมอร์และต่างพิจารณาให้แฮร์รี่เป็น "ผู้ที่ถูกเลือก" ตามคำพยากรณ์ที่ถูกคาดเดากันไปต่างต่างนานา ว่าแฮร์รี่จะเป็นผู้พิชิตโวลเดอมอร์อีกครั้ง ในปีนี้ดัมเบิลดอร์มอบความไว้วางใจไว้ในตัวแฮร์รี่อย่างเต็มที่ และให้แฮร์รี่ดูความทรงจำในเพนซิฟซึ่งเกี่ยวกับอดีตของโวลเดอมอร์และฮอร์ครักซ์ของเขา ดัมเบิลดอร์ยังพาแฮร์รี่ออกเดินทางเพื่อไปตามหาฮอร์ครักซ์ วัตถุที่บรรจุเศษเสี้ยววิญญาณของโวลเดอมอร์อยู่และจำเป็นจะต้องถูกทำลายเพื่อโวลเดอมอร์จะไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้อีก ฮอร์ครักซ์ดังกล่าวถูกซ่อนไว้ในถ้ำทะเลสาบที่เต็มไปด้วยอินเฟอไร ร่างคนตายที่ถูกครอบงำด้วยมนตร์ดำ ตามมาด้วยเหตุการณ์ที่กองทัพผู้เสพความตายบุกฮอกวอตส์และเซเวอรัส สเนปสังหารอาจารย์ใหญ่ของเขาเอง ซึ่งนำมาสู่คำถามต่อมาคือฮอกวอตส์จะเปิดสอนในปีต่อไปหรือไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แฮร์รี่ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่กลับไปเรียนจนกว่าเขาจะสามารถทำลายฮอร์ครักซ์ที่เหลือทั้งสี่อันและพิชิตโวลเดอมอร์ให้ได้
ซึ่งหมายความว่าในหนังสือเล่มที่เจ็ดและเล่มสุดท้ายของชุด แฮร์รี่จะต้องเผชิญหน้ากับโวลเดอมอร์ แต่เขาจะไม่ฝ่าอุปสรรคนี้เพียงลำพังแต่จะมีรอนและเฮอร์ไมโอนี่ที่สัญญาว่าจะติดตามแฮร์รี่ไปทุกที่เพื่อคอยช่วยเหลือ และจะนำไปสู่จุดจบที่สมบูรณ์ของหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์
[แก้] คุณลักษณะ, บุคลิกและบุคคลรอบข้าง
แฮร์รี่มักถูกผู้ใหญ่หลายๆ คนที่รู้จักพ่อแม่ของเขาบอกว่าเขามีหน้าตาเหมือนกับเจมส์พ่อของเขา แต่มีดวงตาคล้ายกับลิลี่แม่ของเขา ซึ่งดูแฮร์รี่จะมีความสุขเมื่อได้ยินดังกล่าว
ความปรารถนาจากก้นบึ้งของหัวใจแฮร์รี่คือการที่เขาดำรงชีวิตไปอย่างปกติและมีครอบครัวของเขาอยู่เคียงข้าง และให้คนทุกคนที่เขาห่วงใยปลอดภัยดีและมีความสุข ต่อมาเขาก็พบว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ตราบใดที่โวลเดอมอร์ยังมีตัวตนอยู่ไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตาม แฮร์รี่มีนิสัยยอมเสี่ยงตนเองเพื่อช่วยผู้อื่นและมักโน้มน้าวให้ผู้อื่นไม่ทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย กรณีดังกล่าวสามารถยกตัวอย่างได้เช่นในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ แฮร์รี่ไม่ต้องการให้รอนและเฮอร์ไมโอนี่ร่วมค้นหาศิลาอาถรรพ์กับเขา และในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ในการที่แฮร์รี่พยายามโน้มน้าวไม่ให้เพื่อนของเขาประกอบไปด้วยจินนี่, เนวิลล์ และลูน่า รวมถึงเพื่อนสนิทของเขา รอนและเฮอร์ไมโอนี่ ไปช่วยซีเรียสที่กระทรวงเวทมนตร์กับเขา
อย่างไรก็ตาม ข้อเสียที่มีอยู่ในตัวแฮร์รี่ก็มีอยู่หลายประการ เขาโมโหง่ายถ้าพ่อแม่หรือใครก็ตามที่เขาห่วงใยถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม หรือเมื่อไรก็ตามที่มีคนไม่เชื่อเขา และเขาก็เหมือนรอนที่ค่อยฉลาดนัก ในหลายๆ วิชา ในเล่มที่ห้า (ภาคีนกฟีนิกซ์) แฮร์รี่มีอารมณ์โมโหร้ายมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่สังคมผู้วิเศษเกือบทั้งหมดเชื่อว่าเขาเป็นคนขี้โกหกที่ต้องการเรียกร้องความสนใจผนวกกับการเติบโตเป็นวัยรุ่นซึ่งเป็นพัฒนาการทางอารมณ์อย่างหนึ่ง และในบางครั้ง เขาถึงกับโกรธใส่รอนและเฮอร์ไมโอนี่ ส่วนใหญ่จะเป็นเวลาที่ทั้งสองคนนั้นทะเลาะกัน อารมณ์โมโหดังกล่าวสามารถยกตัวอย่างได้เช่น การที่รอนทะเลาะกับแฮร์รี่ และแฮร์รี่ไม่ยอมคืนดีเนื่องจากรอนไม่เชื่อที่เขาไม่ได้หย่อนชื่อลงไปในถ้วยอัคนี ในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนีเป็นต้น
แฮร์รี่มักแปลกแยกจากคนอื่นและอยู่เพียงลำพัง เขาสูญเสียพ่อแม่, พ่อทูนหัว และผู้พิทักษ์ที่แกร่งที่สุดอย่างดัมเบิลดอร์ไป ทำให้ตอนนี้เขาเหลืออยู่เพียงรีมัส ลูปินและครอบครัววีสลีย์ที่แฮร์รี่พึ่งพาได้จริงๆ นางวีสลีย์ในมุมมองของแฮร์รี่คือบุคคลที่มีลักษณะดูแลห่วงใยและเป็นแม่ของเขา เพราะเธอปฏิบัติต่อเขาเปรียบเสมือนลูกคนหนึ่งของเธอเอง และในบางคราวแฮกริดก็จะคอยช่วยเหลือและมอบคำแนะนำให้แก่แฮร์รี่ แต่เมื่อแฮร์รี่โตขึ้น ความสัมพันธ์เหล่านี้ก็หดหายลงไปบ้าง เพราะแฮร์รี่กับแฮกริดนั้นไม่ค่อยได้พบกันบ่อยนักในช่วงหลังๆ
แฮร์รี่มีความจงรักภักดีต่อใครก็ตามที่เขานับถืออย่างถึงที่สุด แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องการความภักดี (หรือความเคารพ) จากบุคคลนั้นกลับมาในระดับหนึ่งด้วย ซึ่งบุคลิกนี้ทำให้แฮร์รี่ปล่อยวางจากสิ่งที่เขาทำอยู่ตามคำแนะนำของบุคคลนั้นๆ แต่ในบางครั้งก็ทำให้เขาละเมิดทุกกฏเกณฑ์เพื่อทำสิ่งที่จะเป็นประโยชน์แก่บุคคลที่เขาภักดี และละเลยคำตักเตือนแม้กระทั่งจากเพื่อนเช่นเฮอร์ไมโอนี่
แฮร์รี่มีลักษณะที่ปล่อยความไว้เนื้อเชื่อใจในบุคคลใดๆ เป็นตัวตัดสินบุคคล และค่อนข้างรู้ดีว่าใครที่เขาเชื่อใจได้หรือไม่ได้ เช่นแฮร์รี่ไม่สู้เต็มใจที่จะเชื่อใจเซเวอรัส สเนป อาจารย์สอนวิชาปรุงยาของเขานัก แม้ว่าอาจารย์ใหญ่ของฮอกวอกส์อย่างดัมเบิลดอร์จะเชื่อมั่นและวางใจในสเนปก็ตาม การที่เขาถูกเลี้ยงขึ้นมาโดยครอบครัวเดอร์สลีย์ที่คอยกดขี่ข่มเหงเขามาตลอดชีวิตก่อนที่เขาจะรู้ว่าตัวเองเป็นพ่อมด และประสบกับชะตากรรมเลวร้ายต่างต่างนานาซึ่งสร้างความทรงจำอันเจ็บปวดฝังจิตของเขาเอาไว้ (เห็นการเสียชีวิตของเซดริก ดิกกอรี่กับตาตนเองในถ้วยอัคนี, ซีเรียส แบล็กตกลงผ่านม่านแห่งความตายในภาคีนกฟีนิกซ์ และดัมเบิลดอร์ถูกสเนปสังหารในเจ้าชายเลือดผสม) แฮร์รี่จึงมองเห็นในมุมมองที่ต่างจากที่คนอื่นมองเห็น ความรู้สึกเดียวดายของแฮร์รี่เพิ่มมากขึ้นเมื่อเขาได้ยินคำพยากรณ์ว่าเขาจะต้องสู้กับโวลเดอมอร์จนตายกันไปข้างหนึ่ง
[แก้] ความสัมพันธ์และความรัก
เฮอร์ไมโอนี่มักถูกมองว่าเป็นคู่รักของแฮร์รี่ เพียงเพราะว่าว่าเธอเป็นเพื่อนผู้หญิงที่สนิทกับแฮร์รี่ และมักถูกจับคู่โดยคนรอบข้างอยู่บ่อยครั้ง ในปีที่สี่ของแฮร์รี่ วิกเตอร์ ครัม ผู้เป็นตัวแทนของเดิร์มสแตรงก์ในการประลองเวทย์ไตรภาคีที่แอบชอบเฮอร์ไมโอนี่และบอกความรู้สึกนั้นกับเธอในเวลาต่อมา รู้สึกอิจฉาแฮร์รี่ ที่มีโอกาสได้คุยกับเฮอร์ไมโอนี่ตลอดเวลา อีกคนหนึ่งที่ทำการจับคู่แฮร์รี่-เฮอร์ไมโอนี่อย่างเปิดเผยคือริต้า สกีตเตอร์ นักข่าวของหนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ตในปีเดียวกัน ที่เขียนเรื่องราวที่ใส่สีตีไข่ที่กล่าวถึงรักสามเส้าระหว่างแฮร์รี่, เฮอร์ไมโอนี่ และวิกเตอร์ลงในบทความในหนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ต และท้ายที่สุด ในปีที่ห้า (แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์) ผู้ที่รู้สึกหึงแกมอิจฉาความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนระหว่างแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่คือโช แชง
ความสัมพันธ์ระหว่างแฮร์รี่กับโช เริ่มปูรากฐานในปีที่สาม (แฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งอัซคาบัน) ซึ่งในปีดังกล่าว ทุกครั้งที่แฮร์รี่เห็นโช หรือรู้ว่าเธอมองอยู่ เขาจะรู้สึกประหม่าและทำอะไรไม่ถูก จนกระทั่งหนึ่งปีต่อมา ความแอบชอบของแฮร์รี่ก็พัฒนาขึ้นมาอย่างแท้จริง ซึ่งสามารถทำให้เขารวบรวมความกล้าเข้าไปชวนโชไปงานเลี้ยงเต้นรำในวันคริสต์มาสได้ กระนั้นเธอกลับตอบปฏิเสธ เนื่องจากเธอได้ตกลงที่จะไปงานกับเซดริก ดิกกอรี่ ตัวแทนประลองเวทย์ไตรภาคีของฮอกวอตส์อีกคน และเป็นคู่รักกันแล้ว แต่ทั้งคู่ก็ถูกพรากจากกันอย่างน่าเศร้า เมื่อเซดริกถูกสังหารในตอนท้ายของแฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี แต่ในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ เป้าหมายความสนใจของโชตกมาอยู่ที่แฮร์รี่ และความสัมพันธ์แบบขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างแฮร์รี่และโชก็เกิดขึ้นและดำเนินไปตลอดทั้งปี แม้กระทั่งทำให้แฮร์รี่ได้จูบแรกจากโชใต้ช่อมิสเซิลโท (ตามประเพณีของคริสตศาสนิกชน โดยเฉพาะชาวตะวันตก เชื่อว่าบุคคลคู่ใดที่มาอยู่ใต้ช่อมิสเซิลโท ถูกกำหนดมาให้ให้จูบกัน) แต่ท้ายที่สุดแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองไปไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง ด้วยเหตุว่าความรู้สึกและความยึดติดระหว่างทั้งสองนั้นไม่เท่ากัน โชเห็นแฮร์รี่เป็นตัวสำรองจากการตายของเซดริก และแกมว่าเป็นที่ระบายความรู้สึก ในขณะที่แฮร์รี่ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว และกำลังเดินหน้าต่อไป ทำให้แฮร์รี่แทนที่จะได้ผ่อนคลายความตึงเครียดต่างๆ จากการที่เขาคบกับโช กลับทำให้ความเครียดนั้นมากขึ้น รวมถึงการที่โชหึงเฮอร์ไมโอนี่ก็มีส่วนให้ความสัมพันธ์ระหว่างแฮร์รี่และโชร้าวฉานยิ่งขึ้นไปอีก จนกระทั่งมาถึงจุดแตกหักเมื่อโชปกป้องมาริเอตต้า เอ็ดจ์คอมบ์ที่กระทำการทรยศกองทัพดัมเบิลดอร์ โดยการนำความลับของที่ซ่อนไปบอกกับโดโลเรส อัมบริดจ์ซึ่งแฮร์รี่เห็นว่าไม่น่าให้อภัยได้ แฮร์รี่และโชไม่เคยบอกเลิกคบกันอย่างจริงๆ จังๆ เพียงแต่ห่างเหินกันไปเท่านั้น และในต้อนท้ายของแฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ แฮร์รี่เห็นว่าโชอยู่ในอีกโลกหนึ่งคือโลกก่อนที่พ่อทูนหัวของเขา ซีเรียส แบล็กจะจากไป ทำให้แฮร์รี่ไม่มีความรู้สึกต่อโชอีกต่อไป
ความสัมพันธ์ที่ล้มเหลวกับโชของแฮร์รี่นั้น ตรงกันข้ามกับความสัมพันธ์ต่อมา กับจินนี่ วีสลีย์ น้องสาวของรอน วีสลีย์ในปีที่หก (แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม) ผู้หญิงที่ เจ.เค. โรว์ลิ่งกล่าวว่าเป็นผู้หญิงในอุดมคติของแฮร์รี่ และมีความเท่าเทียมกับแฮร์รี่ในทุกๆ ด้าน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มต้นมาจากการที่จินนี่ตกหลุมรักแฮร์รี่อย่างหัวปักหัวปำ ที่ถูกค้นพบในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ และถูกนำเสนอเป็นพล็อตเรื่องรองไปตลอดจนถึงนักโทษแห่งอัซคาบัน และถ้วยอัคนี แต่ความรู้สึกดังกล่าวจางหายไปในปีที่ห้า (ภาคีนกฟีนิกซ์) เมื่อเฮอร์ไมโอนี่บอกกับแฮร์รี่ว่าในที่สุดจินนี่ ก็ทำใจยอมรับรักข้างเดียวที่ไม่เป็นผลได้สำเร็จ ซึ่งปรากฎว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ และความเขินอายที่เคยมีมาตลอดเมื่อเห็นแฮร์รี่ก็หายเป็นปลิดทิ้ง และทำให้แฮร์รี่ได้ทำความรู้จักตัวตนที่แท้จริงของจินนี่ ซึ่งตามความเห็นของรอน เป็นผู้หญิงที่ 'ไม่เคยหุบปาก' โดยตลอดทั้งปี จินนี่มักจะเป็นผู้สงบสติอารมณ์แฮร์รี่ ซึ่งเป็นคนขี้โวยวาย และอารมณ์แปรปรวนในขณะนั้น ให้แฮร์รี่กลับมาเข้าที่เข้าทางได้ รวมถึงแทบจะเป็นคนเดียวที่ประสบความสำเร็จในการทนต่ออารมณ์ร้ายของแฮร์รี่ได้ ซึ่งรวมถึงตอนที่แฮร์รี่ถูกชักนำด้วยข้อมูลผิดๆ จากเพนซิฟของเซเวอรัส สเนปที่ทำให้แฮร์รี่มองว่าพ่อของเขาหยิ่งยโสดังที่สเนปว่า จนทำให้แฮร์รี่อยากปรึกษาซีเรียสอย่างมาก แต่การทำเช่นนั้นเมื่อโดโลเรส อัมบริดจ์กุมอำนาจในฮอกวอตส์ทำให้การกระทำดังกล่าวมีความเสี่ยงมาก และแทบจะเป็นไปไม่ได้ ทำให้ท้ายที่สุด เขาสารภาพความรู้สึกดังกล่าวกับจินนี่ เนื่องจากแฮร์รี่รู้สึกปลอดภัยกับจินนี่ ผู้ที่จะไม่ด่วนตัดสินเขา รวมถึงประสบการณ์ร่วมกันของทั้งคู่ที่รู้สึกว่าถูกลอร์ดโวลเดอมอร์เข้าควบคุม (เพียงแต่ของจินนี่เป็นสมุดไดอารี่ของโวลเดอมอร์แทนที่ทำหน้าที่เข้าควบคุม) และอารมณ์ขันในแนวเดียวกัน (บางครั้งพวกเขาแค่ยิ้มให้กันอย่างขำขันเพียงแค่สบตากัน ปฏิสัมพันธ์เชิงดังกล่าวสามารถย้อนไปได้ถึงนักโทษแห่งอัซคาบัน)
ความสัมพันธ์ดังกล่าว ระหว่างแฮร์รี่กับจินนี่ กลับสลับบทบาทไปเป็นคนละขั้วอย่างน่าขัน ในปีที่หก (เจ้าชายเลือดผสม) เมื่อแฮร์รี่เกิดตกหลุมรักจินนี่ขึ้นมาอย่างหัวปักหัวปำแทน ในขณะที่จินนี่ยังคบกับคนอื่นอยู่ (โดยเฉพาะเจาะจงที่ดีน โทมัส) ซึ่งดำเนินไปเป็นพล็อตเรื่องรองตลอดเล่มที่หกของชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม (รวมถึงอารมณ์หึงรุนแรงต่อดัน โทมัส ซึ่งต่างจากความอิจฉาเซดริก ดิกกอรี่ในปีที่สี่มาก โดยถูกระบุว่าความรู้สึกดังกล่าวเปรียบเสมือนสัตว์ร้ายที่เดือดดาล) ส่วนรอน พี่ชายของจินนี่นั่นมีท่าทีไม่สนับสนุนความสัมพันธ์กับดันของจินนี่ ซึ่งแฮร์รี่มองว่าการที่รอนทำเช่นนั้นแปลได้ว่ารอนมีท่าทีไม่สนับสนุนทุกคนที่คบกับจินนี่ ซึ่งทำให้สถานการณ์ซับซ้อนยิ่งขึ้น และบังคับให้แฮร์รี่เลือกระหว่างความสัมพันธ์กับจินนี่ หรือมิตรภาพกับรอน ซึ่งท้ายที่สุด มุมมองในแง่ร้ายของแฮร์รี่ ไม่มีวี่แววว่าจะปรากฎเลย จินนี่และดีนเลิกกันในที่สุด และเมื่อหลังจากการแข่งขันตัดสินแชมป์ควิดดิชระหว่างบ้านระหว่างกริฟฟินดอร์และเรเวนคลอสิ้นสุด ในงานเลี้ยงฉลองของกริฟฟินดอร์ แฮร์รี่จูบจินนี่อย่างเปิดเผยต่อหน้าคนที่อยู่ในห้องนั่งเล่นรวมทั้งห้อง ท่าทีของเฮอร์ไมโอนี่ต่อเหตุการณ์ดังกล่าวถูกระบุว่าพึงพอใจ และรอน ผู้มีความรู้สึกสับสนปนเปในความรักระหว่างแฮร์รี่และจินนี่ แสดงท่าทีสนับสนุนด้วยท่าทางต่อแฮร์รี่
ในตอนท้ายเจ้าชายเลือดผสม แฮร์รี่ยุติความสัมพันธ์ระหว่างเขาและจินนี่ในความพยายามที่จะรับประกันความปลอดภัยให้เธอ กลัวว่าโวลเดอมอร์จะใช้เธอเป็นเป้า เมื่อโวลเดอมอร์ทราบเรื่อง จินนี่ยอมรับในการตัดสินใจของแฮร์รี่ และบอกว่าการชอบทำตัวเป็นวีรบุรุษ (โดยไม่รู้ตัว) เป็นสิ่งที่ทำให้เธอชอบเขายิ่งนัก และสารภาพว่า แท้ที่จริงแล้วเธอไม่เคยละทิ้งความรู้สึกที่เคยมีต่อแฮร์รี่ตลอดมา
[แก้] ทรัพย์สมบัติของแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่สำคัญๆ
- บ้านเลขที่สิบสอง กริมโมลด์เพลซ: คฤหาสน์เก่าประจำตระกูลแบล็ก และเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ของภาคีนกฟีนิกซ์มาก่อน แฮร์รี่ได้รับสืบทอดมาจากซิเรียส แบล็ก ผู้เป็นพ่อทูนหัวของเขาอีกที
- เอลฟ์ประจำบ้าน ครีเชอร์: เคยเป็นผู้รับใช้ประจำตระกูลแบล็ก บัดนี้เป็นผู้รับใช้ผู้ไม่สัตย์ตรงของแฮร์รี่ ที่จำใจรับไว้มาจากซิเรียส แบล็ก เนื่องด้วยเหตุผลการรักษาความลับของภาคีนกฟีนิกซ์ แฮร์รี่ส่งครีเชอร์มาทำงานที่ฮอกวอตส์ตามที่ดัมเบิลดอร์เสนอ
- เงินตรา (ทอง) ผู้วิเศษเป็นจำนวนมาก ที่ฝากไว้ในห้องฝากเงินในธนาคารกริงกอตส์ สาขาตรอกไดแอกอน ได้รับเป็นมรดกมาจากพ่อแม่ของเขา รวมถึงทองของซิเรียส แบล็กด้วยในเวลาต่อมา โดยในหนังสือนั้นไม่ได้กำหนดมูลค่าที่แน่นอนที่แฮร์รี่มี แต่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า แฮร์รี่มีฐานะร่ำรวย โดยเฉพาะหลังจากที่นำทองของครอบครัวพอตเตอร์ และตระกูลแบล็กมารวมกันแล้ว
- ไม้กวาดไฟร์โบลต์: ไม้กวาดสำหรับแข่งขันควิดดิชระดับโลกที่แพงที่สุด และมีมาตรฐานที่สุด ได้รับมาจากพ่อทูนหัวของแฮร์รี่ ซิเรียส แบล็ก ก่อนหน้านี้ แฮร์รี่ใช้ไม้กวาดนิมบัสสองพัน แต่มันถูกต้นวิลโลว์จอมหวดทำลาย หลังจากที่แฮร์รี่ตกลงมาจากไม้กวาด ในการแข่งขันระหว่างฮัฟเฟิลพัฟและกริฟฟินดอร์ ในปีที่สามของแฮร์รี่
- ผ้าคลุมล่องหน: ได้รับทอดมาจากพ่อของแฮร์รี่เอง โดยที่อัลบัส ดัมเบิลดอร์เป็นผู้มอบให้เป็นของขวัญวันคริสต์มาสในปีแรกในฮอกวอตส์ของแฮร์รี่
- แผนที่ตัวกวน: ได้รับมาจากเฟร็ดและจอร์จ วีสลีย์ แผนที่ถูกร่วมกันเขียนขึ้นโดย หางหนอน (ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์), จันทร์เจ้า (รีมัส ลูปิน), เท้าปุย (ซิเรียส แบล็ก) และเขาแหลม (เจมส์ พอตเตอร์; พ่อของแฮร์รี่)
- เฮ็ดวิก: นกฮูกพันธุ์หิมะ ที่รูเบอัส แฮกริดเป็นผู้มอบให้เป็นของขวัญวันเกิดปีที่สิบเอ็ดของแฮร์รี่
- อัลบั้มรูปของพ่อแม่และเพื่อนของพ่อแม่ของแฮร์รี่ เป็นของขวัญวันเกิดปีที่สิบเอ็ดอีกชิ้นหนึ่งจากแฮกริด
- ไม้กายสิทธิ์: ทำมาจากไม้ฮอลลี่ ยาวสิบเอ็ดนิ้ว ที่มีแกนเป็นขนนกฟีนิกซ์ของดัมเบิลดอร์ ฟอกส์ น่าแปลกที่ว่าลอร์ดโวลเดอมอร์ ก็มีแกนกลางมาจากแหล่งเดียวกัน และจากนกตัวเดียวกัน ทำให้เมื่อไม้ทั้งสองมาต่อสู้กันแล้ว จะทำให้เกิดปรากฎการณ์สะท้อนเวทมนตร์ หรือไพร์-ออร์ อินคานตาโต้
- กระจกสองทาง: กระจกที่สามารถใช้ติดต่อกันได้ที่แฮร์รี่ไม่เคยเปิดจนกระทั่งซิเรียสเสียชีวิต มอบให้โดยซิเรียสเอง ทรัพย์สมบัติอีกชิ้นหนึ่งที่ซิเรียส แบล็กให้รวมถึงมีดพับอเนกประสงค์ที่หลอมละลาย เมื่อใช้ไขกุญแจประตูห้องหนึ่งในกระทรวงเวทมนตร์
- ล็อกเกต: เป็นฮอร์ครักซ์ปลอมที่แนบข้อความเตือนโวลเดอมอร์ไว้ โดยใช้นามแฝง ร.อ.บ.