เบลา บาร์ต็อก
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เบลา บาร์ต็อก เกิดเมื่อวันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 1881 ที่เมือง นากีซเซนต์มิคลอส ฮังการี (ในปัจจุบันคือเมือง ซานนิโคเลา มาเร ประเทศโรมาเนีย) เสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 กันยายน ค.ศ. 1945 ที่นครนิวยอร์ก) เป็นทั้งคีตกวี นักเปียโน และนักสะสมดนตรีพื้นบ้านในแถบยุโรปตะวันออก เขาเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้จัดตั้งสาขาวิชาดนตรีพื้นเมืองศึกษา (ethnomusicology)
สารบัญ |
[แก้] ชีวประวัติ
มารดาของบาร์ต็อกได้สอนดนตรีให้แก่เขาตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งเขาได้เปิดตัวในฐานะนักเปียโนตั้งแต่อายุเพียงสิบปี ที่สถาบันดนตรีหลวงแห่งบูดาเปสต์ เขาได้พบกับ โซลทาน โคดาลี และต่อมา ทั้งคู่ร่วมกันรวบรวมและสะสมดนตรีพื้นบ้านในท้องถิ่น ก่อนหน้านั้นดนตรีพื้นบ้านฮังการีในทัศนะของบาร์ต็อกมีพื้นฐานมาจากทำนองเำพลงของพวกยิปซี ที่คีตกวีเอก ฟร้านซ์ ลิซท์ นำมาเรียบเรียงใหม่ และในปี ค.ศ. 1903 เขาได้ประพันธ์ผลงานชิ้นสำคัญสำหรับวงออเคสตร้า ที่มีชื่อว่า Kossuth ในขณะที่พำนักอยู่ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ตั้งแ่ต่ปีค.ศ. 1907 ถึง ค.ศ. 1934 เขาได้เรียนเปียโน ที่วิทยาลัยดนตรีหลวงแห่งบูดาเปสต์ ในปีค.ศ. 1907 เขาได้ประพันธ์บทเพลงพื้นบ้านฮังการี 3 เพลง และในปีค.ศ. 1908 เขาได้ประพันธ์บทเพลงสำหรับวงควอเต็ตเครื่องสายบทแรก
ในปีค.ศ. 1911 เขาได้นำเสนอผลงานประัพันธ์โอเปร่าเรื่องเดียวของเขา นั่นก็คือ ปราสาทของนายหนวดน้ำเงิน รัฐบาลฮังการีได้ขอให้เขายกเลิกการใช้นามแฝง Béla Balázs ในการประพันธ์โอเปร่า
ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขาได้แต่งเพลงประกอบบัลเล่ต์เรื่อง เจ้าชายแห่งไพรสนฑ์ และ แมนดารินวิเศษ ตามด้วยโซนาต้าอีกสองบทสำหรับบรรเลงด้วยเปียโนและไวโอลิน ที่ได้กลายเป็นหนึ่งในผลงานที่มีความสลับซับซ้อนที่สุดของเขา
เขาได้ประัพันธ์ควอเต็ตสำหรับเครื่องสาย หมายเลข 3 ควอเต็ตสำหรับเครื่องสาย หมายเลข 4 และ ควอเต็ตสำหรับเครื่องสาย ซึ่งได้รับการยกย่้องว่าเป็นบทเพลงควอเต็ตสำหรับเครื่องสายที่ดีที่สุดเท่าที่มีการแต่งมา ในปีค.ศ. 1927-28 ซึ่งทำให้ภาษาทางการประสานเสียงของเขาเรียบง่ายลงเป็นต้นมา ควอเต็ตสำหรับเครื่องสาย หมายเลข 5 (ค.ศ. 1934) กลับมีรูปแบบที่ยึดกับขนบประเพณีเดิมมากขึ้น จากนั้นบาร์ต็อกก็ได้ประพันธ์ ควอเต็ตสำหรับเครื่องสาย หมายเลข 6 และควอเต็ตสำหรับเครื่องสาย บทสุดท้าย อันเพลงบทเพลงที่เศร้าสร้อย และโอดครวญ ในปีค.ศ. 1939 ที่จบลงด้วยการสูญเสียมารดาสุดที่รักของเขา
บทเพลงเหล่านั้นกลายเป็นชุดสุดท้ายที่เขาประพันธ์ขึ้นในยุโรป ในปีค.ศ. 1940 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สอง เขาได้เดินทางอย่างหมดอาลัยตายอยากไปยังสหรัฐอเมริกา เขารู้สึกไม่ค่อยดี จึงเป็นช่วงที่เขาไม่ได้ประพันธ์เพลง
ต่อมา นายแซร์จ คูสเซอวิทสกี้ ได้ว่าจ้างให้เขาแต่งเพลงคอนแชร์โต้สำหรับวงออเคสตร้า ซึ่งดูเหมือนว่าจะทำให้ความกระตือรือร้นในแการแต่งเพลงของบาร์ต็อกหวนกลับมา เขาเริ่มประพันธ์ คอนแชร์โต้สำหรับเปียโน หมายเลข 3 ซึ่งเป็นบทเพลงที่เรียบง่ายและออกแนวนีโอคลาสสิก และเขาก็ได้เริ่มแต่งคอนแชร์โต้สำหรับอัลโต้ตามมาอีก
บาร์ต็อกเสีัยชีวิตด้วยโรคลูคีเมีย ผู้ที่ประพันธ์คอนแชร์โต้สำหรับอัลโตต่อจนจบ ได้แก่ลูกศิษย์ของเขา ทิบอร์ เซอร์ลี
[แก้] ผลงานทางดนตรีชิ้นสำคัญ
[แก้] เปียโน
- อัลเลโกร บาร์บาโร สำหรับเปียโน
- สวีท โอปุสที่ 14 สำหรับเปียโน
- โซนาต้าสำหรับเปียโน
- สวีท กลางที่โล่ง สำหรับเปียโน
- มิโครคอสมอส สำหรับเปียโน
[แก้] แชมเบอร์มิวสิค
- โซนาต้า สำหรับเดี่ยวไวโอลิน
- โซนาต้าสองบท และ ราปโซดีสองบท สำหรับไวโอลิน และ เปียโน
- คอมทราสต์ สำหรับคลาริเน็ท ไวโอลิน และ เปียโน
- โซนาต้าสำหรับเปียโนสองตัว และเครื่องเคาะ
- ควอเต็ตเครื่องสาย หกเพลง
[แก้] บทเพลงสำหรับวงออเคสตร้า
- คอนแชร์โต้ สำหรับ เปียโน สามบท
- คอนแชร์โต้สำหรับเปียโน หมายเลข 2
- คอนแชร์โต้สำหรับไวโอลิน สองบท
- คอนแชร์โต้สำหรับเปียโน หมายเลข 3
- คอนแชร์โต้สำหรับไวโอลินอัลโต้
- ดนตรีสำหรับเครื่องสาย เครื่องเคาะ และ เซเลสต้า
- คอนแชร์โต้สำหรับวงออเคสตร้า
[แก้] อื่นๆ
- โอเปร่าเรื่อง ปราสาทของนายหนวดน้ำเงิน
- บัลเล่ต์เรื่อง แมนดารินวิเศษ
- บัลเล่ต์เรื่อง เจ้าชายแห่งไพรสนฑ์
- แคนเต็ต คานตาตา โพรฟานา