ปราสาทบันทายศรี
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ปราสาทบันทายศรี เป็นปราสาทหินที่ถือได้ว่างดงามที่สุดในประเทศกัมพูชา มีความกลมกลืนอย่างสมบูรณ์ และเป็นปราสาทแห่งเดียวที่สร้างเสร็จแล้วกว่า 1000 ปี แต่ลวดลายก็ยังมีความคมชัด เหมือนกับสร้างเสร็จใหม่ ๆ ปราสาทบันทายศรีหรือเรียกตามภาษาเขมรว่า บันเตียไสร หมายถึง ปราสาทสตรีหรือป้อมสตรี อยู่ห่างจากตัวเมืองเสียมเรียบไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 30 กิโลเมตร ใกล้กับแม่น้ำเสียมเรียบในบริเวณที่เรียกว่า อิศวรปุระ หรือเมืองของพระอิศวร [[1]]
[แก้] ประวัติ
ปราสาทแห่งนี้สร้างอุทิศถวายพระอิศวรภายใต้พระนามว่า ตรีภูวนมเหศวร หรือ ผู้เป็นใหญ่แห่งโลกทั้งสาม ปราสาทมีขนาดเล็ก สร้างด้วยหินทรายสีชมพูซึ่งหายาก สร้างขึ้นเมื่อ เดือนเมษายน - พฤษภาคม พ.ศ. 1510 โดยพราหมณ์ชื่อ ยัชญวราหะ ในตอนปลายของสมัยพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 (หรือพระเจ้า ชัยวรมันที่ 4 พ.ศ.1487 - 1511) และเสร็จในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 (พ.ศ. 1511-1554)
- ซุ้มประตูทางเข้า จำหลักภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณลวดลายมีความละเอียดสวยงามมาก
- ซุ้มทางซ้ายมือ จำหลักภาพพระอิศวรทรงโค มีพระอุมาเทวีประทับด้านซ้าย
- ซุ้มทางขวามือ มีรูปพระนารายณ์อวตารเป็นนรสิงห์
ผ่านประตูเข้าไปจะเห็นปราสาทองค์แรก สร้างอยู่เหนือฐานเดียวกันซึ่งสูง 90 เซ็นติเมตร ขนาบด้วยบรรณาลัย ซึ่งเป็นที่เก็บรักษาตำราหรือวัตถุที่ใช้ในพิธีเคารพบูชา มีประตูเข้าทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ซุ้มประตูหรือโคปุระนี้ ประดิษฐานปฏิมากรรมด้วยลวดลายที่งามวิจิตรอ่อนช้อย ลวดลายประดับที่ปราสาทบันทายศรี สลักเสลาอย่างวิจิตรบรรจง ไม่ว่าจะเป็นเทพธิดาหรือนางอัปสรา ก็เต็มไปด้วยความสง่างามและมีชีวิตจิตใจ
ในกรอบซุ้มปราสาทองค์แรก มีรูปพระศิวะกำลังร่ายรำ หรือที่เรียกว่า ศิวนาฏราช ท่ารำของพระองค์มีถึง 108 ท่า แต่ละท่ามีผลต่อฟ้าดิน หน้าบันของห้องสมุดทางด้านทิศใต้ สลักภาพพระอิศวรกำลังประทับนั่งอยู่เหนือเขาไกรลาศ
ที่หน้าบันห้องสมุดทางด้านทิศเหนือ แสดงภาพพระอินทร์กำลังบันดาลให้ฝนตกลงมา บนอาคารเดียวกันนี้ เหนือหน้าบันทางทิศตะวันตกแสดงภาพพระกฤษณะกำลังประหารพระยากงศ์ในพระราชวัง ภาพสลัก ณ ปราสาทบันทายศรี นอกจากความงดงามในฝีมือการสลักแล้ว ยังมีคุณค่าเกี่ยวกับมนุษย์อย่างลึกซึ้ง อันเห็นได้จากความรู้สึกที่แสดงออกมาจากภาพเหล่านั้น ซึ่งเป็นพยานหลักฐานชิ้นแรก ที่ทำให้เราทราบเกี่ยวกับชีวิตของชาวขอมในต้นพุทธศตวรรษที่ 16
นักเขียนชาวฝรั่งเศสชื่อ อองเดร มาลโรซ์ เจ้าของผลงาน เสน่ห์ตะวันออก เดินทางมาชมปราสาทนี้เมื่อ พ.ศ. 2466 ได้ใช้เลื่อยและลิ่มสกัดเอาซอกมุมรูปนางอัปสราออกไป 6 ชิ้น มาลโรซ์กับเพื่อนถูกจับบนเรือกลไฟที่พนมเปญ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ปีเดียวกันนั้นเอง
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2467 ศาลที่พนมเปญตัดสินให้จำคุกมาลโรซ์เป็นเวลา 3 ปีและเพื่อนได้รับโทษจำคุก 8 เดือนแต่รอลงอาญาทั้งคู่ สิ่งของที่ขโมยออกไปนั้นถูกนำกลับมาไว้ที่เดิมในปี พ.ศ. 2467
หลังจากกลับไปยังปารีส เขาได้ออกหนังสือพิมพ์ชื่อ อินโดจีน เผยแพร่เรื่องราวของปราสาทในกัมพูชา ด้วยผลงานที่เป็นนักศิลปะจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในปี พ.ศ. 2502
ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวที่ไปกัมพูชา ต้องไม่พลาดโอกาสที่จะเข้าชมปราสาทบันทายศรี เพราะปราสาทบันทายศรี มีมนต์เสน่ห์ที่จะดึงดูดให้ท่านอยากจะเข้าไปชม ท่านต้องใช้เวลานานในการถ่ายภาพในแง่มุมต่าง และท่านจะต้องกลับมาเพื่อชมปราสาทนี้อีกหลายๆ ครั้งในโอกาสต่อไป
ปราสาทขอม แก้ {{{2}}} | |
---|---|
พระนคร | นครธม | นครวัด | ปักษีจำกรง | บันทายกเดย | บันทายสำเหร่ | บันทายศรี | บากอง | บาปวน | บายน | เจ้าสายเทวดา | บารายตะวันออก | แม่บุญตะวันออก | กบาลสะเปียน | คลัง | โกรลโค | โลเลย | นาคพัน | พิมานอากาศ | พนมบาแค็ง | พนมกรอม | ปราสาทอักยุม | กระวาน | พระขรรค์ | พระโค | พระป่าเลไลย์ | พระปิตุ | แปรรูป | สะพานทมอ | สระสรง | ตาพรหม | ตาโสม | ตาแก้ว | ตาเนย | ลานช้าง | ลานพระเจ้าขี้เรื้อน | ธรรมานนท์ | บารายตะวันตก | แม่บุญตะวันตก |
ส่วนอื่นๆ ของกัมพูชา | บันทายชมาร์ | บึงมาลา | เกาะแกร์ | เขาพระวิหาร |
ประเทศไทย | พระปรางค์สามยอด | พนมรุ้ง | เมืองต่ำ | พิมาย | เมืองสิงห์ | พนมวัน | สดกก๊กธม | ปรางค์พรหมทัต | ปรางค์กู่ | วัดสระกำแพงใหญ่ | ตาเล็ง | ศีขรภูมิ | ตาเมือน | ตาเมือนธม | ตาเมือนโต๊จ | ห้วยทับทัน | ภูมิโปน | ยายเหงา | จอมพระ | ตระเปียงเตีย | บ้านพลวง | บ้านไพล |
ประเทศลาว | วัดภู |