สมุทรโฆษคำฉันท์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สมุทรโฆษคำฉันท์ | |
---|---|
กวี : | 3 ท่าน (ดูเนื้อเรื่อง) |
ประเภท : | นิทาน |
คำประพันธ์ : | คำฉันท์ |
ความยาว : | 2,218 บท |
สมัย : | อยุธยา -รัตนโกสินทร์ |
ปีที่แต่ง : | พ.ศ. 2200? - 2392 |
ชื่ออื่น : | |
ลิขสิทธิ์ : | |
สมุทรโฆษคำฉันท์ เป็นวรรณคดีที่ได้รับการยกย่องจาก วรรณคดีสโมสร ในสมัยรัชกาลที่ 6 ว่าเป็นเรื่องที่แต่งดีเป็นเยี่ยมในกระบวนคำฉันท์ เป็นวรรณกรรมขนาดย่อม มีความยาว ของเนื้อเรื่อง 2,218 บท (นับรวมแลถงท้ายเรื่อง 21 บท ) กับโคลงท้ายเรื่องอีก 4 บท
สมุทรโฆษคำฉันท์นับเป็นหนึ่งในวรรณคดีไทย ที่มีประวัติอันยาวนาน สืบเนื่องมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา จวบจนถึงช่วงต้นแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีเนื้อหาแบบนิยายไทยทั่วไป ที่มีความรักและการพลัดพราด กวีได้สอดแทรกขนบการแต่งเรื่องไว้อย่างสมบูรณ์ ขณะเดียวกัน นักประวัติศาสตร์ยังใช้วรรณคดีเล่มนี้สำหรับการอ้างอิงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ด้านขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมด้วย
สารบัญ |
[แก้] ประวัติและผู้แต่ง
สมุทรโฆษคำฉันท์มีผู้แต่งสามท่าน ซึ่งแต่งในยุคสมัยต่างๆ กัน ดังนี้
1. พระมหาราชครู แต่งขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยา แต่แต่งตั้งปี พ.ศ. ใดไม่ปรากฏ คาดว่าน่าจะอยู่ในราว พ.ศ. 2200 ท่านได้แต่งไว้ 1,252 บท นับตั้งแต่ต้น จนถึงตอน "งานสยุมพรพระสมุทรโฆษกับนางพินทุมดี" ด้วยกาพย์ฉบัง ที่ว่า
-
- พระเสด็จด้วยน้องลีลาส ลุอาศรมอาส-
- นเทพลบุตรอันบนฯ
2. สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงพระราชนิพนธ์ด้วยพระองค์เอง 205 บท แต่ไม่จบเรื่อง ก็สวรรคตเสียก่อน ทรงแต่งตั้งแต่ตอน "พระสมุทรโฆษและนางพินทุมดีไปใช้บน" (แก้บน) จนถึง ตอนที่พิทยาธรสองตนรบกัน (ตนหนึ่งตกลงไปในสวน) แต่ยังรบไม่จบ ทรงแต่งจนถึงสัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ที่ว่า
-
- ตนกูตายก็จะตายผู้เดียวใครจะแลเหลียว
- โอ้แก้วกับตนกู ฤเห็นฯ
3. สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทรงพระนิพนธ์ต่อจากนั้นจนจบเรื่อง นับได้ 861 บท หลังจากที่ค้างอยู่นานถึง 160 ปี (นับจากสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสด็จสวรรคต เมื่อ พ.ศ. 2231) เนื่องจากไม่มีผู้ใดกล้าแต่งต่อ โดยได้ทรงพระนิพนธ์เป็นสองช่วง และสุดท้ายก็จบเรื่อง เมื่อ พ.ศ. 2392 (จ.ศ. 1211) ดังโคลงสี่สุภาพท้ายเรื่องที่ 4 บท ที่ทรงเล่าไว้ชัดแจ้ง ดังนี้
จวบจุลศักราชได้ | พรรษ สหัสแฮ | |
สองสตพรรษเอกา | ทศอ้าง | |
กุกกุฏสังวัจฉรา | กติกมาส หมายเฮย | |
อาทิตย์ดลฤถีข้าง | ปักษ์ขึ้นปัญจมีฯ |
รังสรรค์ฉันท์เสร็จสิ้น | สุดสาร | |
สมุทรโฆษต่อตำนาน | เนิ่นค้าง | |
รจิตเรื่องบิพิสดาร | อดีตเหตุ แสดงเฮย | |
โดยพุทธพจนรสอ้าง | อรรถแจ้งแถลงธรรมฯ |
(จุลศักราช 1211 ปีระกา เดือนสิบสอง วันอาทิตย์ ขึ้น 5 ค่ำ)
[แก้] เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่องสมุทรโฆษนั้น เป็นการดัดแปลงมาจากสมุทรโฆษชาดก ในปัญญาสชาดก กล่าวคือเป็นชาดกที่มิได้มีอยู่ในพระไตรปิฎก แต่เนื้อหาในเรื่องที่พระราชครูแต่งนั้น แตกต่างไปจากชาดกอยู่บ้าง ทว่าเมื่อสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ทรงแต่ง พระองค์ได้ดำเนินตามปัญญาสชาดกจนจบเรื่อง
[แก้] คำประพันธ์
คำประพันธ์ในสมุทรโฆษคำฉันท์ ระบุไว้ในชื่อของหนังสือเล่มนี้อยู่แล้ว ว่าเป็น คำฉันท์ นั่นคือ ประกอบด้วยฉันท์ และกาพย์
กวีทั้งสามได้แต่งฉันท์ตามขนบฉันท์โบราณ กล่าวคือ เสียงหนักเบา (ครุ ลหุ) มิได้กำหนดจากเสียงสระเสียงยาวหรือเสียงสั้นอย่างในชั้นหลัง หากแต่เน้น “หนักเบา”จากเสียง ฉันท์ทั้งหมดนี้ขึ้นเพื่อการอ่านทำนองเสนาะ ที่มีจังหวะจะโคนไพเราะ โดยมีการใช้เลขกำกับจำนวนคำในแต่ละบาทของฉันท์นั้น
คำฉันท์ในเรื่อง ไม่ได้ระบุชนิด แต่บอกจำนวนคณะเอาไว้ เช่น 11, 12 เป็นต้น เลขระบุฉันท์และกาพย์ มีดังนี้
[แก้] กาพย์
11 : กาพย์ยานี, 16 : กาพย์ฉบัง, 28 : กาพย์สุรางคนางค์
[แก้] ฉันท์
11 : อินทรวิเชียรฉันท์, 12 : โตฏกฉันท์, 14 : วสันตดิลกฉันท์, 15 : มาลินีฉันท์, 19 : สัททุลลวิกกีฬิตฉันท์, 21 : สัทธราฉันท์, 28 : สุรางคนางค์ฉันท์
[แก้] ภาษาที่ใช้
ด้วยวรรณกรรมเรื่องนี้แต่งขึ้นในสมัยอยุธยา ภาษาที่ใช้จึงเป็นภาษาเก่า อ่านเข้าใจไม่ง่ายนัก ทั้งยังมีฉันท์อยู่หลายตอน ซึ่งนิยมแต่งด้วยคำภาษาบาลีและสันสกฤต ทั้งยังมีเขมรแทรกอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นหนังสือที่อ่านยากจนเกินไป และยังมีหลายตอนที่ใช้ภาษาไทยอย่างง่ายๆ อย่างเข้าใจได้ดีแม้ในปัจจุบัน
[แก้] ความสำคัญของสมุทรโฆษคำฉันท์
สมุทรโฆษคำฉันท์เป็นวรรณกรรมชิ้นแรกๆ ของไทย ที่มีขนบการเล่าเรื่องที่ละเอียด คล้ายกับบทละคร มีการเล่าเรื่องโดยสังเขปไว้ในตอนต้น เล่าเรื่องเบิกโรงที่เล่น ก่อนเล่าเรื่องจริง โดยเฉพาะการเล่นเบิกโรงนั้น บ่งบอกถึงประวัติการละเล่นของไทยได้เป็นดี เช่น การเล่นหัวล้านชนกัน เล่นชวาแทงหอก เล่นจระเข้กัดกัน เป็นต้น
ในขณะเดียวกัน สมุทรโฆษคำฉันท์ ยังเป็นวรรณกรรมคำสอน ที่นำนิทานอิงธรรม มาแต่งด้วยถ้อยคำอันไพเราะ ใช้อ่านเพื่อความเพลิดเพลิน และมีคติธรรม นอกจากนี้ นักวรรณคดีบางท่านยังอ้างว่า เป็นการแต่งเพื่อเฉลิมฉลองงานพระชนมายุครบ 25 พรรษาของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชด้วย
[แก้] บางตอนจากสมุทรโฆษคำฉันท์
- พระสมุทรโฆษและนางพินทุมดีเสด็จป่าหิมพานต์
บรรพตรจเรขประไพ | ช่องชั้นไฉไล | ||
คือช่างฉลุเลขา | |||
วุ้งเวิ้งเพิงตระพักเสลา | หุบห้องคูหา | ||
แลห้วงแลห้วยเหวลหาร | |||
พุน้ำชำเราะเซาะธาร | ไหลลั่นบันดาล | ||
ดั่งสารพิรุณธารา | |||
เงื้อมง้ำโชงกชง่อนภูผา | พึงพิศโสภา | ||
เปนชานเปนช่องปล่องปน | |||
สีสลับยยับพรรณอำพน | เหลืองหลากกาญจน | ||
แลขาวคือเพชรรัศมีฯ |