อียิปต์โบราณก่อนยุคราชวงศ์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สำหรับอียิปต์โบราณยุคราชวงศ์ สามารถดูได้ที่ อียิปต์โบราณยุคราชวงศ์
สมัยอียิปต์โบราณ คือประวัติศาสตร์ของประเทศอียิปต์ ตั้งแต่เริ่มมีอารยธรรม จนถึงปี 525 ปีก่อนคริสตกาล
การแบ่งประวัติศาสตร์อียิปต์ออกเป็นราชวงศ์นั้น นักบวชนามว่ามาเนโธ(Manetho) เป็นผู้ทำขึ้นคนแรก โดยบัญชาของฟาโรห์ทอเลมีฟิลาเดลฟุส(Ptolemy Philadelphus) เมื่อ 20 ปีก่อนคริสตกาล ยังมีบันทึกประวัติศาสตร์อีกหลายครั้ง หลักฐานที่สำคัญของประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณเพิ่งมาปรากฏเมื่อตอนปลายคริสต์ศวรรษที่ 18 โดยที่บูชาด์(Bouchard) นายทหารฝรั่งเศสขุดพบศิลาจารึกที่บริเวณปากแม่น้ำไนล์ ภายหลังเรียกว่าจารึกโรเซตตา (Rosetta Stone) ตามชื่อของตำบลที่ขุดพบ ต่อมาในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 นักปราชญ์ชาวฝรั่งเศสชื่อ ชองโปลิยอง(Champollion) ได้ตีความอักษรบนจารึกทำให้ประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณชัดเจนขึ้น
อียิปต์ ตามความหมายที่เฮโรดอท นักเดินทางชาวกรีกให้ไว้ หมายถึง ของขวัญจากแม่น้ำไนล์ อียิปต์ ตั้งอยู่บนลุ่มแม่น้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ (เรียกว่าดินดำ) อยู่ระหว่างที่ราบสูงที่เป็นทะเลทราย ทางเหนือของทวีปแอฟริกา แม่น้ำไนล์ยาวประมาณ1,000 กม. ต้นแม่น้ำมาจากทะเลสาบในประเทศเอธิโอเปียทางตะวันออก และทางตะวันตกของแม่น้ำไนล์เป็นทะเลทราย (เรียกกันว่าดินแดง) ความอุดมสมบูรณ์ของพื้นดินมาจากแม่น้ำไนล์ไหลผ่านภูเขาที่เต็ม ไปด้วยแร่ธาตุจากเอธิโอเปียจนถึงอียิปต์และมาท่วมล้นฝั่ง ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม น้ำนำโคลนตมที่อุดมสมบูรณ์มาให้
[แก้] เริ่มอารยธรรม
อียิปต์เป็นประเทศที่มีอากาศร้อนและแห้งแล้ง มีฝนตกเพียงเล็กน้อยในช่วงฤดูหนาวและตกเฉพาะบริเวณเดลต้า(ดินแดนสันดอนบริเวณปากแม่น้ำไนล์) อียิปต์ได้อาศัยความชุ่มชื้นของแม่น้ำไนล์เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิต ถ้าขาดแม่น้ำไนล์อียิปต์ก็ไม่ต่างอะไรกับทะเลทรายที่ร้อนระอุ นักประวัติศาสตร์กรีกโบราณผู้หนึ่งได้เคยกล่าวไว้ว่า Egypt is the gift of the Nile(อียิปต์เป็นของขวัญของแม่น้ำไนล์) คำกล่าวนี้จึงเป็นความจริงอย่างยิ่ง กล่าวคือในราวเดือนกรกฎาคมของทุกๆปี น้ำในแม่น้ำไนล์จะไหลท่วมท้นฝั่งทั้งสองและจะเริ่มลดลงในเดือนตุลาคม เมื่อน้ำลดจะทิ้งโคลนตมไว้ตามบริเวณสองฝั่งลำน้ำ โคลนตมเหล่านี้เป็นปุ๋ยซึ่งเมื่อเพาะปลูกแล้วจะให้ผลดีอย่างมาก ชาวอียิปต์โบราณยังรู้จักวิธีทำนา ทำนบกั้นน้ำ ขุดคูส่งน้ำลำเลียงเข้าไปในดินแดนซึ่งอยู่ลึกเข้าไปจากฝั่ง เป็นการขยายพื้นที่ประกอบการกสิกรรมให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ประเทศอียิปต์ในสมัยโบราณประกอบไปด้วยบริเวณที่สำคัญ 2 บริเวณ คือ
1. อียิปต์บน(Upper Egypt) ได้แก่บริเวณที่แม่น้ำไนล์ไหลผ่านหุบเขา มีความยาวประมาณ 500 ไมล์ ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำตอนนี้เป็นหน้าผาลาดกว้างไปจนสุดสายตาเต็มไปด้วยเนินเขาที่แห้งแล้ง
2. อียิปต์ล่างหรืออียิปต์ต่ำ(Lower Egypt) ได้แก่บริเวณที่แม่น้ำไนล์แตกสาขาออกเป็นรูปพัด ไหลลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน บริเวณนี้ชาวกรีกเรียกว่า เดลต้า (Delta) เป็นบริเวณปลายสุดของลำน้ำ มีความยาวประมาณ 100 ไมล์ อารยธรรมโบราณของอียิปต์ได้เจริญขึ้นในแถบเดลต้านี้
ความแตกต่างของสภาพทางภูมิศาสตร์ของอียิปต์ทั้งสองภาคนี้ คือภาคหนึ่งเป็นที่สูงและภาคหนึ่งเป็นที่ลุ่ม และลักษณะที่แคบยาวของประเทศในสมัยนั้นยาว 500 ไมล์ แต่มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 10,000 ตารางไมล์เท่านั้น ทำให้ยากแก่การที่จะรวมประเทศเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและจัดการปกครองให้ทั่วถึงได้จริงๆ
อียิปต์ได้เปรียบประเทศอื่นในแถบตะวันออกใกล้ในเรื่องกำแพงธรรมชาติที่ช่วยป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าอื่นได้มาก ทางใต้ของแม่น้ำไนล์ที่อยู่ใต้เขตแดนอียิปต์ลงไปอยู่บนที่สูงมีแนวน้ำตกมาก ทำให้การรุกทางเรือยาก ทางตะวันออกและตะวันตกของอียิปต์ทางแถบดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์เท่านั้น ที่ไม่มีพรมแดนป้องกันการโจมตีทางเรือและทางบกจากชนเผ่าเซมิติค ที่เป็นพวกเร่ร่อนอยู่ทางทะเลทรายอาราเบียและทางปาเลสไตน์ เพราะทางเหนือของอียิปต์ติดต่อกับคอคอดซึ่งเชื่อมอียิปต์กับเอเชียและคาบสมุทรอาระเบีย
อียิปต์มีการนับศักราชตามราชวงศ์ เมื่อสิ้นรัชสมัยของฟาโรห์พระองค์หนึ่งและขึ้นแผ่นดินใหม่ก็เริ่มนับศักราชใหม่ เราจึงแบ่งประวัติศาสตร์การเมืองของอียิปต์ออกเป็นสองสมัยใหญ่ๆ คือ
[แก้] สมัยก่อนราชวงศ์
สมัยก่อนราชวงศ์(Pre-Dynastic Period) คือเรื่องราวของอียิปต์ในสมัยที่ยังอยู่แยกเป็นนครอิสระ หรือจังหวัดเล็กๆ เรียกว่าโนมิส (Nomes) แต่ละโนมิสมีสัญลักษณ์ประจำตัว เช่น สุนัข เหยี่ยว แมงป่อง เป็นต้น มีโนมิสทั้งหมดรวมกันประมาณ 40 แห่ง