พูดคุย:กิ๊ก
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
[แก้] ความหมาย
ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องโครงสร้างของวิกิพีเดียนะครับ สำหรับคำนี้ คล้ายกับการอธิบายแบบพจนานุกรม แล้วควรระบุว่าเป็นคำสแลง ที่นิยมใช้ชั่วครั้งชั่วคราว และใช้เฉพาะกลุ่ม (หรือเปล่า??) ระบุ พ.ศ.ด้วยยิ่งดีครับ จะได้เป็นประวัติการใช้คำ เราจะมีคำคล้าย เช่น แฟน (สแลง), คนรัก, คู่รัก, ชู้ ฯลฯ
--ธวัชชัย 01:07, 29 กรกฎาคม 2005 (UTC)
- เท่าที่ผมเข้าใจนะครับ คือข้อความ หรือบทความอะไรก็ได้ที่สามารถอธิบายได้มากกว่าความหมายนะครับ อย่างบางคำที่มีเป็นคำ ถ้ามีที่มา หรือว่าผลต่อเนื่อง ก็อาจจะมาเขียนได้นะครับ --Manop 05:18, 29 กรกฎาคม 2005 (UTC)
[แก้] นิยามที่ คัดลอกจากแหล่งอื่น
ข้อความด้านล่างน่าจะมาจาก อีเมลที่ส่งต่อกันมา ที่คัดลอกและตัดแปะมาลง ผมขอย้ายมาไว้ ในที่นี่ เนื่องจากคำพูดอาจจะไม่อยู่ในท่วงทำนองของสารานุกรม
เป็นคำใหม่ของ วัยรุ่น เกิดขึ้นมาอีกแล้ว ว่ากันว่า “กิ๊ก” มีมานานแล้ว แต่มาดังเอาตอนนี้ เพราะกลุ่มนิสิต คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำวิจัยเรื่อง “กิ๊ก…มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน” และเผยแพร่ผลวิจัยออกมา เขาบอกว่า “กิ๊ก” น่าจะย่อมาจากคำว่า “กุ๊กกิ๊ก” ซึ่งแแปลว่า กะหนุงกะหนิงจู๋จี๋กัน ถ้าพูดว่า “กุ๊กกิ๊ก” มันอาจจะยาวไป เลยย่อสั้นๆเหลือเพียง “กิ๊ก” เขาบอกว่า “กิ๊ก” คือ ความรักในหมู่วัยรุ่นที่เป็นมากกว่าเพื่อน มีความรู้สึกพิเศษ ผูกพันกันคิดถึงกัน แต่ไม่ใช่แฟนกัน เขาบอกว่า “กิ๊ก” เป็น “สับเซ็ต” ของ “ชู้” และเป็น “ยูเนียน” กับ “การมีเพศสัมพันธ์” “สับเซ็ต” และ “ยูเนียน” เป็นศัพท์แสงทางสถิติ “สับเซ็ต” หมายถึงส่วนย่อย ส่วน “ยูเนียน” หมายถึงคาบเกี่ยว “ยูเนียน” ของ “กิ๊ก” กับ “การมีเพศสัมพันธ์” หมายถึงว่าอาจมีหรืออาจไม่มีเพศสัมพันธ์ก็ได้ ขอให้ขึ้นอยู่กับใจปรารถนา เป็นสำคัญ เขาบอกว่า โดยภาพรวมแล้ว “กิ๊ก” คือ คนที่เราสนใจมากกว่าเพื่อน รู้สึกพิเศษเกินเพื่อน แต่ไม่ได้คิดกับเขาแบบแฟนไม่รู้สึกพิศวาส ไม่อยากอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ไม่อยากอยู่บ้านเดียวกัน ไม่อยากนอนเตียงเดียวกัน แต่ถ้าเห็นหน้ากันทุกวันคุยกันนานๆก็คงดี เขาบอกว่า เป็นไปได้ที่ “กิ๊ก” คือคนที่กำลังจะมาเป็นแฟน จีบกันอยู่ในขั้นศึกษาดูใจลองคบกันแต่ไม่ผูกมัดกันให้อิสระและเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ไปศึกษาผู้อื่นได้เพื่อค้นหาคนที่ใช่และชอบจริงๆ วลีเด็ดๆ ของ “กิ๊ก” คือ “กิ๊กไม่ใช่ชู้แต่ถ้าแฟนรู้ต้องเลิก” และ “รักเหมือนแฟน แสดงเหมือนเพื่อน” เขาบอกว่า คำที่สามารถใช้แทน “กิ๊ก” ได้คือ คู่ขา โปรคู่รัก ชู้ คู่ควง เด็ก แควน(ควาย+แฟน) และคนพิเศษ วิจัยดังกล่าวให้กฏ 10 ข้อ ของการเป็นกิ๊กไว้ว่า หนึ่ง ห้ามหึงหวง สอง มีอะไรกันได้ แต่ไม่ใช่ของกันและกัน สาม ไม่มีสิทธิเรียกร้องมากเกินเหตุ สี่ ห้ามใช้กิ๊กร่วมกันกับเพื่อน ห้า กิ๊กอาจเปลี่ยนสถานะได้ และห้ามเศร้า หก ถ้ากิ๊กคิดจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน โดยไม่ใช่เราห้ามฟูมฟาย ต้องยอมรับด้วยความยินดี และค่อยตกลงกันทีหลังว่า จะกิ๊กกันต่อไปหรือไม่ เจ็ด ไม่จำเป็นต้องเทคแคร์กันเกินเหตุ เพราะเป็นแค่กิ๊ก แปด กิ๊กไม่ได้จำกัดจำนวน เป็นอินฟินิตี้ ไม่จำกัดเพศ วัย และ สถานภาพ ถ้าไม่กลัวตาย เพราะเอดส์ เก้า กิ๊กสำคัญรองจากแฟน สิบ กิ๊กยังไงก็เป็นกิ๊ก ต้องเจียมตัว ข้อสังเกตเกี่ยวกับ “กิ๊ก” มีว่า แม้ “กิ๊ก” ไม่ได้เน้นเรื่องเพศสัมพันธ์ แต่ความใกล้ชิดทำให้มีโอกาสพลาดพลั้งเปลืองเนื้อเปลืองตัวได้หลายๆครั้ง นำไปสู่เพศสัมพันธ์สลับคู่ แลกเปลี่ยนคู่นอน ท้องขึ้นมาก็ทำแท้ง ตามคอนเซปต์ที่ว่า “ทุ่มเท ทิ่มแทง ทำแท้ง ทอดทิ้ง” และนี่คือ วัยรุ่นบ้านเราในยุคนี้ ยุคที่ หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ ทั้งๆที่ไม่มีใครเคยคาดคิดว่าจะเกิด ยุคที่ความเละเทะ และ ความฟอนเฟะ วิ่งเข้ามาแทน ความดีงาม อยากทำอะไรทำ โดยไม่คำนึงถึง วัฒนธรรมเก่าแก่ซึ่งควรอนุรักษ์เอาไว้แต่อย่างใด ยุคที่ วัยรุ่นที่จะปล่อยตัวปล่อยใจไปตาม ครรลองของอารมณ์ อยาก คบใคร ก็คบไป อยาก มีเพศสัมพันธ์เมื่อใด ก็มีไป อยาก จะนอกใจใครเมื่อไหร่ก็ทำไป อยาก จะเลิกเมื่อใดก็เลิกได้ “สังคมไทย” กับ “ความซื่อสัตย์ภักดี” ดูจะห่างเหินกันมากขึ้นทุกทีทุกที ยุคที่ ความเจริญทางวัตถุมีมากขึ้น แต่ความเจริญทางด้านจิตใจมีมากแค่ไหน หลายคนหลายฝ่ายยังสงสัยอยู่นัก “กิ๊ก” เป็นเพียงหนึ่งในร้อยของคำใหม่ๆที่บังเกิดขึ้นมาในยุคนี้ สมควรอย่างยิ่งที่คณะ ครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยน่าจะทำวิจัยต่อไปอีกถึง คำที่ฟังแล้วน่าเป็นห่วงเป็นใยบ้านเมืองคล้ายๆกับคำว่า “กิ๊ก” นี้ ฟังบ่อยๆ แล้วจะได้เตือนสติผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราว่า ต่อจากนี้ไปต้องให้ความรัก ความอบอุ่นแก่ลูกหลานของเรามากกว่าที่เป็นอยู่ มิฉะนั้นวัยรุ่นประเภท “กิ๊ก” และ “ชู้” จะเกิดขึ้น ให้เห็นแบบดาษดื่นคล้ายกับว่าเป็น เรื่องธรรมดาๆ ของประเทศไปโดยไม่รู้ตัว