เอฟ-5
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เอฟ-5 ฟรีดอมไฟเตอร์ (F-5 Freedom Fighter) เป็นเครื่องบินขับไล่ของสหรัฐอเมริกา เริ่มออกแบบเมื่อปี พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) โดยบริษัทนอร์ธรอป
สารบัญ |
[แก้] ประวัติ
ในช่วงปลายสงครามเวียดนาม กองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาได้พบว่าเครื่องบินขับไล่ทางยุทธศาสตร์ขนาดใหญ่แบบเอฟ-111 ได้กลายเป็นเป้าซ้อมปืนและจรวดให้กับนักบินมิก-21 อย่างมันมือ ด้วยความใหญ่และหนักของเอฟ-111 ไม่อาจสร้างความได้เปรียบในการรบแบบติดพัน (Dog Fight) ได้ ดังนั้นเอฟ-111 จึงถูกเปลี่ยนภารกิจให้เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดเบาและออกปฏิบัติการภายใต้การคุ้มกันของเครื่องบินขับไล่แบบเอฟ-4 ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่เบาขนาด 2 ที่นั่ง ซึ่งว่าไปแล้วก็ยังมีขนาดใหญ่อยู่ดี และจะต้องใช้ถึงสองเครื่องในการไล่ต้อนมิก-21 ที่แสนจะปราดเปรียว ซึ่งในการดวลกันตัวต่อตัวระหว่างเอฟ-4 กับมิก-21 นั้น ส่วนใหญ่มิก-21 จะบินหลบหนีไปได้
ความต้องการเครื่องบินขับไล่ขนาดเบาเพื่อต่อกรกับมิก-21 อย่างสูสี ทำให้เอฟ-5 เอของบริษัทนอร์ธรอปซึ่งแต่เดิมถูกจัดวางไว้ในฐานะเครื่องบินลาดตระเวนโจมตีเบาและตรวจการณ์ถ่ายภาพทางอากาศเช่นเดียวกับเครื่องเอ-4 ถูกจับตามองด้วยความสนใจ เพราะเอฟ-5 เป็นเครื่องบินเบาที่มีท่วงท่าการบินและความปราดเปรียวคล่องตัวที่ใกล้เคียงกับมิก-21 มากที่สุด ดังนั้นบริษัทนอร์ธรอปจึงได้รับสั่งให้อัพเกรดเครื่องเอฟ-5 เป็นเครื่องบินขับไล่เบา
เครื่องเอฟ-5 ได้รับการปรับปรุงโดยการขยายโครงสร้างให้ใหญ่และยาวขึ้นกว่าเดิมประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ ใช้เครื่องยนต์ของเยเนอรัล อิเลคทริครุ่นใหม่ที่มีแรงขับดันสูงขึ้น ติดเรดาห์ที่มีขีดความสามารถจับเป้าหมายได้อย่างแม่นยำในระยะ 15 ไมล์ สามารถยิงจรวดอากาศสู่อากาศนำวิถีด้วยอินฟราเรดแบบเอไอเอ็ม-9 และเรียกเอฟ-5 รุ่นนี้ว่าเอฟ-5 อี ไทเกอร์ทูว์
เอฟ-5 อี ถูกส่งเข้าประจำการในเวียดนามใต้เพียงไม่กี่ร้อยเครื่องและยังไม่ทันได้ประมือกับมิก-21 สหรัฐอเมริกาก็ยอมถอนตัวออกจากสงครามเวียดนามพร้อมกับทิ้งเอฟ-5 อี จำนวน 350 เครื่องไว้ในเวียดนาม ปัจจุบันรัฐบาลเวียดนามได้เก็บรักษาเอฟ-5 อี ไว้ในอนุสรณ์สถานสงครามเวียดนามเพียงไม่กี่เครื่องและทิ้งส่วนที่เหลือให้ชำรุดผุพังไปตามกาลเวลา เนื่องจากไม่มีการซ่อมบำรุงและอะไหล่สนับสนุน
สหรัฐอเมริกาเองก็ยังคงใช้งานเอฟ-5 อี มาจนถึงปัจจุบัน โดยใช้ในสามภาระกิจคือ เป็นเครื่องบินข้าศึกสมมุติในการฝึกหลักสูตรท็อปกัน (TOP GUN) เพราะเอฟ-5 อี มีลักษณะการบินที่ใกล้เคียงกับเครื่องบินขับไล่มิกของรัสเซียมาก ใช้เป็นเครื่องบินสังเกตการณ์การบินของอากาศยานทดลองและใช้ฝึกนักบิน โดยใช้ที-38 แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นที-45 ของอังกฤษแล้ว กองทัพอากาศไทยก็ได้ทำการปรับปรุงเอฟ-5 อี ในประจำการให้มีขีดความสามารถในการรบเพิ่มขึ้น โดยการเปลี่ยนเรดาห์ให้สามารถจับเป้าข้าศึกได้ในระยะ 25 ไมล์ เพิ่มจอฮัด (HUD) ติดระบบนำร่องแบบทาแคนซึ่งเอฟ-5 อีของกองทัพอากาศไทยเมื่อปรับปรุงแล้ว จึงมีขีดความสามารถในการยิงจรวดนำวิถีแบบไพธอน 4 เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ยิงเอไอเอ็ม-9 ได้แบบเดียวเท่านั้น
เครื่องบินขับไล่เบาที่เป็นอมตะที่สุดในโลกนี้ (ยังคงประจำการในกองทัพของประเทศผู้ผลิตจนถึงปัจจุบัน) นอกจากมิก-21 แล้ว มีเพียงเอฟ-5 อีคู่ปรับที่ไม่เคยเจอกันเลยตลอดกาล
[แก้] รุ่นของเอฟ-5
- F-5A
- F-5B
- F-5C Skoshi Tiger
- F-5D
- F-5E Tiger II
- F-5F Tiger II
- F-5G ต่อมาคือเอฟ-20
- F-5N
- F-5S
- F-5T
- RF-5A
- RF-5A(G)
- RF-5E Tigereye
- YF-5
[แก้] เหตุการณ์ในประเทศไทย
ปี พ.ศ. 2512 กองทัพอากาศไทยได้รับเอฟ-5 เอจากกองทัพสหรัฐอเมริกาจำนวน 5 เครื่องและเมื่อสหรัฐอเมริกาถอนตัวจากสงครามเวียดนาม นักบินสหรัฐอเมริกาได้นำเอฟ-5 อีจำนวน 3 เครื่องบินหนีจากเวียดนามมาลงที่สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งเอฟ-5 อีทั้ง 3 เครื่องนี้สหรัฐอเมริกาได้นำกลับไปด้วย
ปี พ.ศ. 2513 กองทัพอากาศไทยขออนุมัติรัฐบาล จัดซื้อเครื่องบินขับไล่เอฟ-5 อีและเอฟ-5 เอฟจากสหรัฐอเมริกาจำนวน 12 เครื่องและได้รับเครื่องบินเข้าประจำการครบฝูงในปี พ.ศ. 2515 โดยใช้ชื่อเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๑๘ ข (บ.ข.๑๘ ข) หลังจากนั้นก็ได้มีการจัดซื้อเพิ่มเติมเรื่อย ๆ จนถึงในปัจจุบันกองทัพอากาศไทยมีเอฟ-5 อีมากกว่า 90 เครื่อง
[แก้] เอฟ-5 ที่ประจำการในประเทศไทย
- F-5A ใช้ชื่อเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๑๘ (บ.ข.๑๘)
- F-5B ใช้ชื่อเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๑๘ ก (บ.ข.๑๘ ก)
- F-5E ใช้ชื่อเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๑๘ ข (บ.ข.๑๘ ข)
- F-5F ใช้ชื่อเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๑๘ ค (บ.ข.๑๘ ค)
- RF-5A ใช้ชื่อเครื่องบินตรวจการณ์ขับไล่แบบที่ ๑๘ (บ.ตข.๑๘)
เอฟ-5 เป็นบทความเกี่ยวกับ ทหาร การทหาร หรืออาวุธ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น |