Ebooks, Audobooks and Classical Music from Liber Liber
a b c d e f g h i j k l m n o p q r s t u v w x y z





Web - Amazon

We provide Linux to the World


We support WINRAR [What is this] - [Download .exe file(s) for Windows]

CLASSICISTRANIERI HOME PAGE - YOUTUBE CHANNEL
SITEMAP
Audiobooks by Valerio Di Stefano: Single Download - Complete Download [TAR] [WIM] [ZIP] [RAR] - Alphabetical Download  [TAR] [WIM] [ZIP] [RAR] - Download Instructions

Make a donation: IBAN: IT36M0708677020000000008016 - BIC/SWIFT:  ICRAITRRU60 - VALERIO DI STEFANO or
Privacy Policy Cookie Policy Terms and Conditions
แชคิล โอนีล - วิกิพีเดีย

แชคิล โอนีล

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

แชคิล ราชอน โอนีล (Shaquille Rashaun O'Neal) (เกิด 6 มีนาคม พ.ศ. 2515 ในเมืองนีวอร์ค มลรัฐนิวเจอร์ซี) เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อว่า แชค (Shaq) เป็นนักกีฬาบาสเกตบอลเอ็นบีเอที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่ง โอนีลเริ่มเล่นให้กับออร์แลนโด แมจิก ต่อมาเซ็นสัญญากับลอสแองเจลีส เลเกอรส์ ปัจจุบันอยู่กับทีมไมอามี ฮีท มีชื่อเสียงเรื่องตัวใหญ่ด้วยความสูง 7 ฟุต 1 นิ้ว (2.16 ม.) หนัก 340 ปอนด์ (154 กก.) และใส่รองเท้าเบอร์ 22 (ของทางสหรัฐ) มีชื่อเล่นหลายชื่อ เช่น ดีเซล (Diesel) บิ๊กอริสโตเติล (Big Aristotle) ซูเปอร์แมน (Superman) และล่าสุดเมื่อได้รับปริญญาโทบริหารธุรกิจคือ ดอกเตอร์แชค (Doctor Shaq) ซึ่งส่วนใหญ่แชคเป็นคนตั้งเอง เขาเริ่มเล่นในเอ็นบีเอตั้งแต่อายุ 20 ปี และตลอดเวลาการเล่น 13 ปี สร้างผลงานที่เยี่ยมยอดและหลายคนถือว่าเขาเป็นเซ็นเตอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เคยมีมาทีเดียว

สารบัญ

[แก้] วัยเด็ก

แชคิล ราชอน (มาจากภาษาอาหรับ แปลว่า นักรบน้อย) เป็นชื่อที่บิดาแท้ ๆ คือ โจเซฟ โทนี (Joseph Toney) เป็นคนตั้งให้ แต่โอนีลก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับเขา มารดาของโอนีล ลูซีลล์ โอนีล แฮริสัน (Lucille O'Neal Harrison) แต่งงานใหม่กับทหารอเมริกันชื่อ ฟิลิป แฮริสัน (Phillip Harrison) ซึ่งแชคเห็นเขาเป็นบิดาที่แท้จริง เชคได้ใช้ชีวิตส่วนหนึ่งในวัยเด็กในประเทศเยอรมนี ที่ที่พ่อของเขาประจำการอยู่ เขาเรียนรู้วิธีการเล่นบาสเกตบอลที่นั่น

เขาทำข้อมือหักทั้งสองข้างจากการไต่ระหว่างต้นไม้สองต้นเลียนแบบสไปเดอร์แมน ตัวการ์ตูนที่เขาชื่นชอบ นี่เป็นคำอธิบายหนึ่งว่าทำไมแชคถึงชู๊ตลูกโทษไม่ดี

[แก้] ชีวิดการเล่นบาสเกตบอล

[แก้] มหาวิทยาลัยหลุยเซียนาสเต็ต

เขาเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างเมื่อเล่นที่ไฮสกูล Robert G. Cole Junior-Senior High School ในเมืองซานแอนโตนิโอ มลรัฐเทกซัส และได้เป็นผู้เล่นดีเด่นของโรงเรียนระหว่างเวลาที่เล่นอยู่ที่นั่น เขาเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยหลุยเซียนาสเต็ต (Louisiana State University, LSU) และจบปริญญาตรีในสาขาพาณิชยศาสตร์ ได้รับตำแหน่ง first team All-American สองครั้ง ผู้เล่นแห่งปีของ Southeastern Conference (SEC) สองครั้ง ผู้เล่นแห่งปีระดับประเทศในปี พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) และเป็นเจ้าของสถิติของระดับมหาวิทยาลัย (NCAA) สำหรับจำนวนบล็อกสูงสุดในหนึ่งเกม คือ 17 บล็อกเมื่อแข่งกับมหาวิทยาลัยมิสซิสซิปปีสเต็ต (Mississippi State University) เมื่อ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2533

เดล บราวน์ (Dale Brown) โค้ชที่ LSU ในขณะนั้นบอกว่า เขาพบกับแชคครั้งแรกเมื่อไปที่เยอรมนี และเข้าใจผิดว่าแชคเป็นทหารคนหนึ่ง ขณะนั้นเขาอายุเพียง 13 ปี สูงถึง 7 ฟุต แต่หนักเพียง 223 ปอนด์ สามปีผ่านไปแชคตัวสูงขึ้นอีกเพียงหนึ่งนิ้ว แต่มีกล้ามเนื้อเพิ่มถึง 80 ปอนด์

[แก้] ออร์แลนโด แมจิก

โอนีลโดนดราฟเป็นคนแรกของการดราฟในปี พ.ศ. 2535 โดยทีมออร์แลนโด แมจิก เขาเล่นที่นั่นเป็นเวลาสี่ปีก่อนที่จะหมดสัญญาจากทีมและเซ็นสัญญากับทีมลอสแองเจลีส เลเกอรส์เมื่อ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2539

[แก้] ลอสแองเจลีส เลเกอรส์

แชค กำลังจับมือกับ จอร์จ ดับเบิลยู. บุชในโอกาลที่ได้แชมป์เอ็นบีเอปี 2001
แชค กำลังจับมือกับ จอร์จ ดับเบิลยู. บุชในโอกาลที่ได้แชมป์เอ็นบีเอปี 2001

หลังจากฤดูกาล 1995-96 ของเอ็นบีเอ (ตรงกับ พ.ศ. 2538-39) โอนีลเข้าร่วมทีมลอสแองเจลีส เลเกอรส์ด้วยสัญญาเจ็ดปีมูลค่าสูงถึง 120 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งไม่เคยมีมาก่อน เขาและโคบี ไบรอัน กลายเป็นคู่การ์ดและเซ็นเตอร์ที่เล่นได้ประสิทธิภาพที่สุดคู่หนึ่งในประวัติศาสตร์เอ็นบีเอ ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองจะไม่ราบลึ่นและเกิดเรื่องผิดใจกันบ่อยครั้ง

อย่างไรก็ตามทั้งคู่ซึ่งคุมทีมโดยโค้ช ฟิล แจ็กสัน ประสบความสำเร็จมากบนสนามแข่งขัน และพาทีมคว้าตำแหน่งชนะเลิศสามปีติดต่อกัน (2000 ถึง 2002 ตรงกับ พ.ศ. 2543 ถึง 2545) แชคได้รับการเลือกเป็นผู้เล่นทรงคุณค่าในรอบสุดท้ายทั้งสามครั้ง เป็นผู้เล่นที่ทำแต้มเฉลี่ยสูงสุดในตำแหน่งเซ็นเตอร์ในประวัติศาสตร์การแข่งรอบสุดท้าย เขายังได้รับการลงคะแนนให้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่าในฤดูกาลปกติของปี 1999-2000 และเกือบได้คะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ ขาดไปเพียงคะแนนเดียวเท่านั้น

ต้นฤดูกาล 2003-04 (2546-47) โอนีลประกาศว่าเขาต้องการต่อสัญญา แต่ผู้บริหารทีมลังเลที่จะทำตามข้อเรียกร้องของเขา เลเกอร์สเสนอสัญญาหนึ่งเมื่อกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 เพื่อให้โอนีลยังคงเป็นผู้เล่นที่มีค่าตัวสูงที่สุดในลีกแต่โอนีลปฏิเสธ

หลังจากเลเกอร์สพ่ายให้กับดีทรอยต์ พิสตันส์ในรอบสุดท้ายของเอ็นบีเอ โอนีลโมโหกับคำพูดของผู้จัดการทั่วไปของเลเกอร์ส มิทช์ คุปแชค (Mitch Kupchak) เกี่ยวกับอนาคตของแชคกับทีม ทำให้โอนีลต้องการให้เทรด โอนีลถูกเทรดไปยังทีมไมอามี ฮีท แลกกับ ลามาร์ โอดม (Lamar Odom), ไบรอัน แกรนต์ (Brian Grant), คารอน บัทเลอร์ (Caron Butler) และสิทธิ์ในการดราฟรอบแรก

[แก้] ไมอามี ฮีท

แชคได้ถูกเทรดอย่างเป็นทางการเมื่อ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2547 การเทรดนี้ถือเป็นการเทรดที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์กีฬา โดยผู้วิเคราะห์ไม่แน่ใจว่าผู้เล่นคนเดียวสามารถแทนที่ผู้เล่นสำคัญหลายคนของไมอามีได้ แต่ว่าทีมฮีทใหม่ที่มีแชคประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมายและทำสถิติดีที่สุดของสายตะวันออกได้อย่างง่ายดาย คนที่เทรดออกไปกลับไม่ช่วยให้เลเกอร์สเข้ารอบเพลย์ออฟได้ เขาพลาดรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าของฤดูกาล 2004-05 โดยแพ้ให้กับ สตีฟ แนช (Steve Nash) ไปเพียงเล็กน้อย ถึงแม้ว่าแชคจะกะเผลกจากแผลฟกช้ำที่ต้นขา เขาก็ยังนำทีมเข้าถึงรอบชิงของสายตะวันออกและแพ้ให้กับทีมดีทรอยต์ พิสตันส์ในเกม 7 ด้วยคะแนนไม่ห่างมากนัก

สิงหาคม พ.ศ. 2548 โอนีลเซ็นสัญญาต่ออีก 5 ปีกับฮีทด้วยเงิน 100 ล้านเหรียญ นักวิจารณ์ต่างดูแคลนว่าเป็นการจ่ายผู้เล่นอายุมากที่แพงเกินความเป็นจริง แต่ผู้สนับสนุนก็ยกย่องฮีทที่ได้ผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอ็นบีเอด้วยค่าตัวเพียง 20 ล้านเหรียญต่อปี ซึ่งพอ ๆ กับผู้เล่นบางคนที่มักบาดเจ็บหรือเล่นได้แย่บางคน

จากการเซ็นสัญญานี้ แชคได้กลับคำพูดเดิมที่ว่าไม่ยอมลดค่าตัวของตัวเองเพื่อผลประโยชน์ของทีม ปีพ.ศ. 2548 แชคมีค่าตัว 30 ล้านเหรียญแต่ปีต่อ ๆ ไปจะมีค่าตัวลดลงถึง 10 ล้านเหรียญเพื่อช่วยให้ฮีทสามารถได้ผู้เล่นที่ดีขึ้น

ในฤดูกาล 2005-06 แชคบาดเจ็บข้อเท้าขวาในเกมที่สองของฤดูกาลและพลาดลงเล่นใน 18 เกมถัดมา ตลอดฤดูกาลปกติ โค้ช แพท ไรลีย์ (Pat Riley) จำกัดเวลาเล่นของแชคเพื่อให้แชคมีฟอร์มการเล่นที่สดขึ้นเมื่อถึงช่วงเพลย์ออฟ แชคจบฤดูกาลปกติได้เปอร์เซนต์การชู้ตสูงสุดในลีก และเป็นการทำสถิติได้เป็นครั้งที่ 9 ซึ่งมีเพียงแชค และ วิลต์ แชมเบอร์เลน (Wilt Chamberlain) เท่านั้นที่ทำได้ ในวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2549 แชค ยังทำ ทริปเปิล-ดับเบิล เป็นครั้งที่สองในชีวิตการเล่นโดยได้ 15 คะแนน 11 รีบาวด์ 10 แอสซิสต์ ซึ่งเป็นการทำแอสซิสต์สูงสุดของแชค

ในเพลย์ออฟ 2006 ฮีท ได้คว้าแชมป์เอ็นบีเอเป็นครั้งแรกของทีมภายใต้การนำของแชค และ ดเวน เหว็ด (Dwyane Wade) ฮีทเข้าเพลย์ออฟในอันดับสองในสาย เอาชนะทีมอันดับหนึ่งคือดีทรอยต์ พีสตันส์ในรอบชิงแชมป์คอนเฟอเรนซ์ตะวันออก และชนะทีมดัลลัส แมฟเวอริกส์ในรอบชิงชนะเลิศ แชคทำผลงานเฉลี่ยน้อยกว่าฤดูกาลปกติ แต่ก็สร้างผลงานได้ดีในเกมที่ปิดซีรีส์เพื้อเข้ารอบต่อไป โดยทำ 30 แต้ม 20 รีบาวด์เอาชนะชิคาโก บูลส์ในรอบแรก และทำ 28 แต้ม 16 รีบาวด์ 5 บล็อกเอาชนะพีสตันส์ แชมป์ครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่ของแชคและเป็นไปตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับไมอามี

[แก้] รางวัลที่ได้รับ

  • โอนีลได้รับเลือกให้เล่นเกมออลสตาร์ทุกปีตั้งแต่ที่เริ่มเล่นในเอ็นบีเอเมื่อ พ.ศ. 2536 (ยกเว้นปี 2542 เมื่อมีการประท้วงหยุดเล่นและงดออลสตาร์เกม)
  • เป็นผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ในรอบไฟนอลของเอ็นบีเอ (พ.ศ. 2543 ถึง 2545)
  • ได้รับเลือกเป็น All-NBA-Defensive ในปี พ.ศ. 2543, 2544 และ 2546 (แต่ไม่จัดอยู่ในทีมแรก)
  • เป็นผู้เล่นคนสำคัญใน World Championship ปี 2537 และ โอลิมปิกปี 2539 และเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในทีม
  • เป็นผู้เล่นคนแรกในเอ็นบีเอที่ทำค่าเฉลี่ย 20 แต้ม 10 รีบาวด์ต่อเกมรวมกัน 13 ฤดูกาล
  • ได้รับเลือกเป็น All-NBA-Team 11 ปี
  • ได้รับเลือกเป็น MVP ในฤดูกาล 1999-00 (พ.ศ. 2542-43) และ ในออลสตาร์เกมของฤดูกาล 2003-04 (พ.ศ. 2546-47)
  • ได้รับปริญญาด้านพาณิชยศาสตร์จาก LSU ที่นั่นมีที่พักตั้งชื่อว่า Shaquille O'Neal Lodge เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ประชุม Cook Conference Center
  • ได้รับปริญญาโทบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยแห่งฟีนิกส์ (University of Phoenix) เมื่อ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2548

[แก้] จุดแข็งและจุดอ่อน

โอนีลมีร่างกายที่พิเศษ ความสูง 7 ฟุต 1 นิ้วและน้ำหนัก 320 ปอนด์ทำให้เขามีพละกำลังมาก และสำหรับคนรูปร่างขนาดนั้น แชคเป็นคนที่คล่องแคล่ว ท่า drop step ของเขาคือ เริ่มด้วยยีนหันหลังให้แป้นและผู้เล่นตั้งรับทีมตรงข้าม จากนั้นหมุนตัวและเอาตัวดันเพื่อทำสแลมดังก์ เป็นท่าที่ยากที่จะป้องกันได้ เขายังเป็นคนส่งลูกที่ดีและเล่นตั้งรับได้มีประสิทธิภาพ การที่มีคนอย่างเขาบริเวณใต้แป้นทำให้ทีมต่าง ๆ ต้องปรับเปลี่ยนแผนในการรุกและรับ หากจะป้องกันแชคโดยเอาผู้เล่นสองหรือสามคนมาประกบก็กลับทำให้เพื่อร่วมทีมสามารถชู้ตลูกได้ง่าย ๆ โดยไม่มีใครมาประกบ

โอนีลเป็นคนที่ชู้ตลูกโทษแย่ที่สุดคนหนึ่งในเอ็นบีเอ ค่าเฉลี่ยตลอดการเล่นของเขาคือเพียง 53.1% ทีมตรงข้ามชอบใช้วิธีทำฟาวล์แชคโดยจงใจ เรียกกลยุทธนี้ว่า Hack-a-Shaq คิดและตั้งชื่อโดย ดอน เนลสัน โค้ชของดัลลัส แมฟเวอริกส์ แต่การชู้ตลูกโทษแย่ก็พบในผู้เล่นยิ่งใหญ่อีกหลายคนเช่น วิลท์ แชมเบอร์เลน (Wilt Chamberlain)

จุดอ่อนอีกอย่างหนึ่งของเขาคือเรื่องน้ำหนัก โอนีลมักปรากฏตัวในแคมป์ฝึกซ้อมก่อนฤดูกาลด้วยน้ำหนักตัวที่มากเกินไป ในช่วงสองสามปีสุดท้ายกับทีมลอสแองเจลีส เลเกอรส์ เขาหนักประมาณ 350 ปอนด์ (160 กิโลกรัม) เมื่อแชคมีน้ำหนักตัวมากเกินไป เขามักมีปัญหาการบาดเจ็บโดยเฉพาะตัวแม่โป้งเท้าข้างขวา เขามีอาการเจ็บปวดเรื้อรังที่ข้อต่อนิ้วโป้งเท้าขวาจากการวิ่ง กระโดด และดังก์ ด้วยน้ำหนักตัวที่สูงเป็นเวลามากกว่าสิบปี

หลายคนรู้สึกว่าความดังของแชคทำให้กรรมการละเลยที่จะเรียกฟาวล์เมื่อทำผิดกฎบางอย่าง เช่นท่าชู้ตลูกโทษของแชคที่ละเมิดกฎที่ห้ามไม่ให้คนชู้ตลูกโทษล้ำข้ามเส้นลูกโทษจนกว่าลูกบาสเกตบอลจะกระทบกับห่วงหรือแป้นบาส แต่คนที่เข้าข้างแชคมักพูดว่า เนื่องจากรูปร่างที่ใหญ่โตของเขา กรรมการมักปล่อยให้คนอื่นเล่นรุนแรงขึ้นกับแชค

[แก้] แรงดลใจในเรื่องตำรวจ

นอกสนาม แชคมีความสนใจงานในหน่วยงานตำรวจมาก โอนีลผ่านหลักสูตรโรงเรียนตำรวจของลอสแองเจลีส และเป็นเจ้าหน้าที่สำรองของตำรวจท่าของลอสแองเจลีส

เมื่อมีนาคม พ.ศ. 2548 เขาได้รับยศกิติมศักดิ์ U.S. Deputy Marshal และเป็นโฆษกของสถาบัน Safe Surfin' และยังทำงานร่วมกับหน่วยที่มีชื่อเดียวกันเพื่อตามล่าผู้ที่ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อล่อลวงเด็กทางเพศ

เมื่อแชคย้ายไปอยู่ไมอามี แชคเริ่มฝึกเพื่อเป็นเจ้าหน้าที่สำรองของเมืองไมอามีบีช และเข้าสาบานตัวเป็นเจ้าหน้าที่เมื่อ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2548 แชคสนใจทำงานด้านสืบสวนสอบสวน สำหรับป้องกันอาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับเด็ก

[แก้] ผลงานการแสดง

[แก้] ภาพยนตร์

  • Blue Chips (1993) เล่นกับเพื่อนร่วมทีม แอนเฟอร์นี ฮาร์ดาเวย์ (Anfernee Hardaway) และ Nick Nolte
  • Kazaam (1996)
  • Good Burger (1997)
  • Steel (1997)
  • Freddy Got Fingered (2001)

[แก้] โฆษณาทางโทรทัศน์

  • เนสเล่ ครั้นช์ (Nestlé Crunch)
  • Chattem Icy Hot Sleeve and Icy Hot Back Patch (แผ่นปิดแก้ปวดเมื่อย)

[แก้] รายการทีวี

  • Shaquille (2005), รายการเรียลลิตีของช่อง ESPN

[แก้] ผลงานดนตรี

  • Shaq Diesel (1993)
  • Shaq Fu - Da Return (1994)
  • The Best of Shaquille O'Neal (1996)
  • You Can't Stop the Reign (1996)
  • Respect (1998)
  • Presents His Superfriends, Vol. 1 (2001)

[แก้] ลิงก์ภายนอก

Our "Network":

Project Gutenberg
https://gutenberg.classicistranieri.com

Encyclopaedia Britannica 1911
https://encyclopaediabritannica.classicistranieri.com

Librivox Audiobooks
https://librivox.classicistranieri.com

Linux Distributions
https://old.classicistranieri.com

Magnatune (MP3 Music)
https://magnatune.classicistranieri.com

Static Wikipedia (June 2008)
https://wikipedia.classicistranieri.com

Static Wikipedia (March 2008)
https://wikipedia2007.classicistranieri.com/mar2008/

Static Wikipedia (2007)
https://wikipedia2007.classicistranieri.com

Static Wikipedia (2006)
https://wikipedia2006.classicistranieri.com

Liber Liber
https://liberliber.classicistranieri.com

ZIM Files for Kiwix
https://zim.classicistranieri.com


Other Websites:

Bach - Goldberg Variations
https://www.goldbergvariations.org

Lazarillo de Tormes
https://www.lazarillodetormes.org

Madame Bovary
https://www.madamebovary.org

Il Fu Mattia Pascal
https://www.mattiapascal.it

The Voice in the Desert
https://www.thevoiceinthedesert.org

Confessione d'un amore fascista
https://www.amorefascista.it

Malinverno
https://www.malinverno.org

Debito formativo
https://www.debitoformativo.it

Adina Spire
https://www.adinaspire.com