เอเค 47

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

อาก้า 47 รุ่นที่2
AK-47
ชนิด	ปืนเล็กยาวจู่โจม
สัญชาติ	สหภาพโซเวียต
สมัย	สงครามเวียดนาม - ปัจจุบัน
การใช้งาน	ประจำกาย เหมาะสำหรับการรบบนทะเลทรายและบนโคลนโดยไม่ทำให้การยิงติดขัด
เป้าหมาย	บุคคล
เริ่มใช้	ค.ศ. 1951
ช่วงผลิต	ค.ศ. 1947 - ปัจจุบัน
ช่วงการใช้งาน	ค.ศ. 1951 - ปัจจุบัน
ผู้ปฏิบัติการ	ผู้ออกแบบ : มิคาอิล คาลาชนิคอฟ
สงคราม	สงครามเกาหลี,สงครามเวียดนาม, สงครามอ่าวเปอร์เซีย, สงครามอิรัก
ชนิด	ปืนเล็กยาวจู่โจม
ขนาดลำกล้อง	7.62 มิลลิเมตร
ความยาวลำกล้อง	415 มิลลิเมตร
กระสุน	7.62 x 39 mm
แมกกาซีน	แบบแมกซ์ 30 นัด, แบบ กล้อง 45 นัด และแบบ Drum 85 นัด
การทำงาน	ขับดันด้วยแก๊ส, ลูกเลื่อนหมุน
อัตราการยิง	600 รอบ/นาที
ความเร็วปากลำกล้อง	710 m/s, 884 m/s
ระยะหวังผล	300 เมตร
น้ำหนัก	4.3 กิโลกรัม
ความยาว	870 มิลลิเมตร
แบบอื่น	AK-47, AKS, AKM, AKMS, AK-74, AK-101, AK-102, AK-103, AK-107, AK-108
จำนวนที่ผลิต	มากกว่า 100 ล้านกระบอก

เอเค 47 (AK-47) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "อาก้า" นั้น เป็นคำ ย่อมาจากภาษารัสเซีย "Автомат Калашникова образца 1947 года" ((อัฟโตมัท คาลาชนิโควา 1947 โกดาก) เป็นปืนเล็กยาวจู่โจม ขับดันด้วยแก๊ส ออกแบบโดย มิคาอิล ทีมอฟีวิช คาลาชนิคอฟ (Mikhail Timofeevich Kalashnikov) ผลิตโดย อิซมาช (IZHMASH) ผู้ผลิตอาวุธของรัสเซีย มีการใช้ในหลายประเทศโดยเฉพาะ ในกลุ่มประเทศคอมมิวนิสต์ ในช่วงสงครามเย็น

ปืนเอเค 47 มีการใช้และรับเป็นมาตรฐานเมื่อปี ค.ศ. 1947 เมื่อเปรียบเทียบกับปืนเล็กยาวแบบบรรจุกระสุนอัตโนมัติอื่นๆ ที่ใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว ปืน AK-47 มีน้ำหนักเบากว่าพอสมควร กะทัดรัดกว่ามาก ขนาดสั้นกว่า และกระสุนขนาดเล็กกว่า (7.62 x 39 มม) สามารถเลือกการยิงและถอดล้างได้ง่ายมาก นับเป็นปืนเล็กยาวจู่โจมรุ่นแรกแบบหนึ่ง และยังมีการใช้กว้างขวางทั่วโลก โดยมีการผลิตปืนเอเค 47 และรุ่นอื่นๆ ที่พัฒนาตามแบบนี้เป็นจำนวนมากกว่าปืนเล็กยาวจู่โจมชนิดอื่นๆ และยังคงมีการผลิตและใช้งานในปัจจุบัน โดยปัจจุบันมีการผลิตปืน AK-74 ออกมาด้วย โดยใช้กระสุนขนาด 5.45x39 mm. แทน

เอเค 47 เป็นบทความเกี่ยวกับ ทหาร การทหาร หรืออาวุธ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น