ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ (Diana, Princess of Wales) หรือชื่อเต็มคือ ไดอานา ฟรานเซส เมาต์แบทเทน-วินเซอร์ - สกุลเดิม สเปนเซอร์ (Diana Frances Mountbatten-Windsor, née The Lady Diana Spencer) (ประสูติ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2504 ที่เมืองแซนดริงแฮม ประเทศอังกฤษ — สิ้นพระชนม์ 31 สิงหาคม พ.ศ.2540 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส) เป็นพระชายาพระองค์แรกของเจ้าฟ้าชายชาลส์ แห่งเวลส์ จากการอภิเษกสมรสเมื่อปี พ.ศ.2524 และได้ทรงหย่าขาดเมื่อปี พ.ศ.2539 พระองค์ทรงดำรงพระอิสริยยศ เจ้าหญิงแห่งเวลส์ เป็นพระองค์ที่ 9 ของพระราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปได้ถวายเรียกพระองค์ว่า "เจ้าหญิงไดอานา" แม้ว่าโดยแท้ที่จริงแล้วพระองค์จะไม่ทรงมีสิทธิ์ใช้พระนามดังกล่าว
ถึงแม้ว่าพระองค์จะทรงเป็นที่รู้จักจากพระกรณียกิจในหลายด้าน แต่การบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ของพระองค์กลับถูกกลบด้วยข่าวลือเกี่ยวกับการชีวิตสมรส ทั้งถูกการกล่าวหาว่าพระสวามีนอกใจ และนอกใจพระสวามี ไดอานาต้องเผชิญกับปัญหาทางด้านพระหฤทัย และพระอารมณ์อันแปรปรวน เรื่องราวทั้งหมดถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนในช่วงปลายปี พ.ศ.2539 โดยมีการตีพิมพ์ในหนังสือ บทความในหนังสือแทบลอยด์ รวมทั้งละครโทรทัศน์
นับตั้งแต่ทรงหมั้นกับเจ้าชายแห่งเวลส์ในปี พ.ศ.2524 จนกระทั่งการสิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุรถยนต์ ในปี พ.ศ.2540 ไดอานาเป็นผู้หญิงสำคัญคนหนึ่งของโลก ไม่ว่าจะความสนพระทัย การฉลองพระองค์ รวมถึงพระกรณียกิจของพระองค์ได้รับความสนใจจากทั่วทุกมุมโลก พระองค์ทรงเป็นผู้นำแฟชั่น เป็นสัญลักษณ์แห่งความงาม ความหวังของผู้ป่วยโรคเอดส์ และทูตสันถวไมตรีที่เชื่อมทุกความขัดแย้ง แต่เหนือกว่าสิ่งอื่นใดคือพระองค์ทรงเป็นพระราชินีในดวงใจของประชาชนอีกด้วย ตลอดทั้งพระชนม์ชีพพระองค์เป็นผู้ที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดคนหนึ่งในโลกราวกับนักแสดงที่มีชื่อเสียง สำหรับคนที่ชื่นชมพระองค์แล้ว ทรงเป็นบุคคลต้นแบบของคนเหล่านั้น ภายหลังการสิ้นพระชนม์ ยังมีกระแสยกเรียกร้องให้พระองค์ขึ้นเป็นนักบุญ ในขณะผู้ที่ต่อต้านพระองค์อ้างว่า การสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอานาเป็นกรณีตัวอย่างของการคลั่งไคล้บุคคลของสื่อมวลชน ทำให้ชีวิตของบุคคลผู้นั้นถูกทำลายอย่างย่อยยับ
ในปี พ.ศ.2547 ได้มีการจัดสร้างน้ำพุอนุสรณ์เจ้าหญิงไดอานา ที่บริเวณสวนสาธารณะไฮด์ปาร์ก ในกรุงลอนดอน มีลักษณะเชิงสัญลักษณ์ถึงชีวิตของเจ้าหญิง ออกแบบโดย แคธรีน กุสตาฟเซิน และ นีล พอร์เตอร์ มีพระราชพิธีเปิด โดยสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ เมื่อ 6 กรกฎาคม พ.ศ.2547
สารบัญ |
[แก้] ประวัติ
[แก้] วัยเด็ก
ไดอานาประสูติเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2504 ทรงเป็นธิดาคนสุดท้องของวิสเคานท์และวิสเคานท์เตสอัลทอป (เอ็ดเวิร์ด และ ฟรานเซส สเปนเซอร์) ไดอานาทรงรับศีลล้างบาปที่โบสถ์เซนต์แมรีแม็กดาแลน พระองค์ทรงมีพี่น้อง 5 คนดังนี้
- อลิซาเบธ ซาราห์ ลาวินา สเปนเซอร์ (เลดีซาราห์ แม็กคอเดล ปัจจุบันเป็นประธานมูลนิธิไดอานา ตามพระประสงค์ของเจ้าหญิง)
- ซินเธีย เจน สเปนเซอร์ (เลดีเจน เฟเลอว์ ปัจจุบันคือ บารอนเนสเฟเลอว์)
- จอห์น สเปนเซอร์ (ถึงแก่กรรมหลังคลอดได้เพียง 10 ชั่วโมง)
- ไดอานา ฟรานเซส สเปนเซอร์ (เจ้าหญิงแห่งเวลส์)
- ชารลส์ เอ็ดเวิร์ด มัวไรส์ สเปนเซอร์ (เอิร์ลคนที่ 9 แห่งสเปนเซอร์)
หลังการหย่า ออเนอเรเบิลฟรานเซส พระมารดาของเจ้าหญิงพยายามที่จะขอมีอำนาจในการปกครองบุตร-ธิดาทุกคนโดยการร้องขอต่อศาล หากแต่แพ้คดีความ อำนาจในการปกครองบุตรธิดาจึงตกอยู่ที่พระบิดา ซึ่งหลังจากพระอัยกา (ปู่) ของไดอานา เอิร์ลคนที่ 7 แห่งสเปนเซอร์ถึงแก่อนิจกรรม วิสเคานท์อัลทอปในฐานะบุตรชายคนโตจึงได้รับสืบทอดยศของตระกูลต่อมา เป็นเอิร์ล คนที่ 8 แห่งสเปนเซอร์ ธิดาทั้งสามคน (ซาราห์ เจนและไดอานา) ได้รับยศเป็นเลดี ในขณะที่ชาลส์ ในฐานะที่เป็นทายาทผู้จะสืบตำแหน่งเอิร์ลแห่งสเปนเซอร์ต่อไป จึงดำรงยศเป็นวิสเคานท์อัลทอป
ต่อมาเอิร์ล คนที่ 8 แห่งสเปนเซอร์ พระบิดาได้สมรสอีกครั้งกับเรนน์ (อดีต) เคานท์เตสแห่งดาร์มอท ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างแม่เลี้ยงและลูกเลี้ยงทั้ง 4 คนนั้นเป็นไปอย่างไม่ราบรื่นนัก
[แก้] อภิเษกสมรส
ครอบครัวสเปนเซอร์ใกล้ชิดกับพระราชวงศ์มานานแล้ว เลดีฟรอยเมยซึ่งเป็นคุณยายของเจ้าหญิงนั้น เป็นพระสหายและนางสนองพระโอษฐ์ในสมเด็จพระราชชนนีอลิซาเบธ มาเป็นเวลานาน ประกอบกับการที่เจ้าชายแห่งเวลส์เคยทรงคบหาอยู่กับเลดีเจนและเลดีซาราห์พี่สาวของไดอานา ทำให้พระองค์ทรงคุ้นเคยกับไดอานาพอสมควร และเมื่อเจ้าฟ้าชายชาลส์พระชนม์ได้ราว 30 พรรษา พระองค์ได้รับการร้องขอให้ทรงเสกสมรส ตามกฎหมายพระองค์จะต้องเสกสมรสกับสตรีที่ไม่ได้นับถือนิกายโรมันคาทอลิค แต่นับถือนิกายเชิรร์ช ออฟ อิงแลนด์ นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำให้พระองค์เสกสมรสกับหญิงบริสุทธิ์ด้วย อีกทั้งการที่สมเด็จพระราชชนนี ทรงพระราชประสงค์จะให้พระองค์เองกับเลดีฟรอมเมยได้เป็น "ทองแผ่นเดียวกัน" เจ้าฟ้าชายผู้ทรงรักสมเด็จยายมากจึงทรงยอมตามพระทัย และพยายามทำพระองค์ให้คิดว่าไดอานานี้แหละ คือสุดยอดผู้หญิงที่เหมาะสมกับพระองค์ และเป็นผู้หญิงที่พระองค์รัก
มีคำร่ำลือว่า นอกจากสมเด็จพระราชชนนีแล้ว คามิลลา คนรักเก่าของเจ้าชาย (และพระชายาพระองค์ปัจจุบัน) ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่สนับสนุนพระองค์ให้เลือกหญิงสาววัย 19 ปี เลดี ไดอานา ผู้ช่วยครูโรงเรียนอนุบาลมาเป็นพระชายา
พระราชวังบัคกิงแฮมประกาศเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2524 ว่าพระราชพิธีอภิเษกสมรสจะจัดขึ้นที่โบสถ์เซนต์ปอล ในลอนดอน ในวันที่ 29 กรกฏาคม ปีเดียวกัน แขกจำนวน 3500 คนถูกเชิญมาในขณะที่ผู้ชมนับพันล้านคนทั่วโลกเฝ้ารอดูพระราชพิธี
ไดอานาเป็นหญิงคนแรกในรอบหลายศตวรรษที่สมรสกับรัชทายาทแห่งราชบัลลังก์อังกฤษ [1] หลังการอภิเษกสมรสไดอานาได้รับยศเป็น เจ้าหญิงแห่งเวลส์ และมีลำดับพระอิสริยยศเป็นลำดับที่ 3 แห่งพระราชวงศ์ฝ่ายในของอังกฤษ ต่อจากสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 และสมเด็จพระราชชนนี อลิซาเบธ[2]
นอกจากนี้ไดอานายังเป็นสตรีสามัญชนคนแรกที่เสกสมรสกับเจ้าชายแห่งเวลส์ และได้ดำรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าหญิงแห่งเวลส์ด้วย [3]
[แก้] พระโอรส
เจ้าฟ้าชายและเจ้าฟ้าหญิงแห่งเวลส์ มีพระโอรส 2 พระองค์ คือ
- เจ้าชายวิลเลียม แห่งเวลส์ ประสูติ 21 มิถุนายน พ.ศ.2525 รัชทายาทลำดับที่ 2 แห่งอังกฤษ ทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาโท สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะจากมหาวิทยาลัยอีตัน ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 ปัจจุบันทรงเข้ารับการฝึกเป็นทหารอยู่ที่ประเทศชิลี
- เจ้าชายแฮร์รี แห่งเวลส์ ประสูติ 15 กันยายน พ.ศ.2527 รัชทายาทลำดับที่ 3 แห่งอังกฤษ ถูกโจมตีมากที่สุดว่าเป็นเจ้าชายเจ้าปัญหา ด้วยพระอารมณ์รุนแรง หรือการฉลองพระองค์ไม่เหมาะสม (เช่นชุดนาซี) อีกทั้งยังมีข่าวลือว่าแท้จริงแล้วพระองค์อาจไม่ใช่พระโอรสของเจ้าชายชาลส์
[แก้] ลูกเลี้ยง
ไดอานานอกจากจะมีพระโอรส 2 พระองค์แล้ว ยังทรงมีลูกเลี้ยง (godchildren คือเด็กที่พระองค์ทรงเป็นแม่ทูนหัว) อีกเป็นจำนวน 17 คน ดังมีรายชื่อต่อไปนี้
- เลดีเอ็ดวิน่า กรอสเวนเนอร์ ธิดาของดยุคและดัชเชสแห่งเวสมินสเตอร์ โดยเป็นลูกเลี้ยงคนแรกของไดอานา
- ฮอนเนอเรเบิ้ลอเล็กซานดร้า นัตช์บอลล์ ธิดาของลอร์ดและเลดีโรมเซ่ย์
- แคลร์ คาซาแลท ธิดาของอิซาเบล และ วิคเตอร์ คาซาแลท
- คามิลล่า สไตรเกอร์ ธิดาของเรเบิ้น และฮอนเนอเรเบิ้ลโซเฟีย สไตรเกอร์ ซึ่งเป็นพระสหายที่เคยอยู่แฟลตห้องเดียวกันกับไดอานา
- เจ้าชายฟิลิปเปส์ พระราชโอรสของอดีตกษัตริย์คอนสแตนตินและสมเด็จพระราชินีแอนน์ มารี
- ลีโอนารา ลอนสเดล ธิดาของเจมี่และลอร่า ลอนสเดล ลอร่าเป็นนางสนองพระโอษฐ์ของไดอานา
- แจ๊กกี้ วอร์แรน บุตรของจอห์นและเลดีแคโรลีน วอร์แรน
- เลดีแมรี่ เวลเลสลี่ย์ ธิดาของมาควิสและมาควิสเนสแห่งโดโร
- จอร์จ ฟรอสต์ บุตรของเซอร์เดวิดและเลดีคาริน่า ฟรอสต์
- แอนโทนี่ ทวิสตัน-ดาวี่ ธิดาของออดลี่ย์ ทวิสตัน-ดาวี่ และฮอนเนอเรเบิ้ลแคโรลีน ฮาร์บอด-ฮาร์มอนด์ แคโรลีนเป็นพระสหายที่ไดอานาทรงวายพระทัยมาก
- แจ๊ค ฟลอคเนอร์ บุตรของซีมอนด์และอิซาเบล ฟอล์คเนอร์
- ลอร์ดเอ็ดเวิร์ด ดาวน์แพททริค บุตรของเอิร์ลแค้นท์เตสแห่งเซ้นท์แอนดรูว์
- แจ๊ค บาทโลเมล บุตรของวิลเลี่ยมและแคโรลีน บาทโลเมล แคโรลีนเป็นพระสหายตั้งแต่มัธยมและเคยอยู่แฟลตห้องเดียวกับไดอานา
- เบนจามิน ซามูแอล บุตรของฮอนเนอเรเบิลไมเคิลและจูเลีย ซามูแอล จูเลียเป็นพระสหายสนิทของไดอานา ทั้งสองคนมักรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันเสมอๆ อีกทั้งยังเป็นเพื่อนไม่กี่คนที่ไดอานาขอคำปรึกษาเรื่องครอบครัวที่ร้าวฉาน
- แอนโทนี่ แฮร์ริงตัน ธิดาของโจนาธาน แฮร์ริงตัน
- ดิซซี่ย์ โซแอมซ์ ธิดาของฮอนเนอเรเบิลรูเพิร์ทและคามิลลา โซแอมซ์
- โดเมนิก้า ลอว์ซัน ธิดาของดอมินิค ลอว์ซันและฮอนเนอเรเบิลโรซา มอนซ์ตัน โรซาเป็นพระสหายคนที่ไดอานาไปประทับอยู่ด้วย 1 เดือนก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ โดเมนิก้าเป็นลูกเลี้ยงคนสุดท้ายของไดอานา
[แก้] ทรงหย่า
เหตุการณ์ไม่เป็นไปอย่างความคาดหมายของทุกคน ในระยะแรกเจ้าหญิงไม่สามารถทรงปรับพระองค์ให้เข้ากับชีวิตของความเป็นเจ้าฟ้าหญิงได้ และทรงทุกข์ทรมานจากพระโรค bulimia (น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว) หลังจากหายจากพระโรค เจ้าหญิงได้มีพระประสูติกาลเจ้าชายวิลเลียม หลังจากนั้นอีก 3 ปี พระองค์ได้มีพระประสูติกาลอีกครั้ง เจ้าชายแฮร์รี ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับเจ้าฟ้าชายชาลส์มาก เนื่องจากพระองค์ทรงหวังว่าพระองค์น่าจะได้พระธิดาจากการประสูติกาลครั้งที่ 2 นี้ เนื่องจากทรงโปรดลูกสาวของคามิลลามากอีกทั้งยังมีข่าวลือว่า แท้จริงแล้วเจ้าชายแฮร์รี่อาจไม่ใช่พระโอรสของพระองค์ รายงานข่าวส่วนหนึ่งเชื่อว่าทั้งสองพระองค์เริ่มแยกกันอยู่หลังจากการเสกสมรสเพียง 5 ปี บางคนเชื่อว่าเนื่องจากเจ้าฟ้าชายชาลส์ไม่สามารถทนได้ที่พระชายาได้รับความชื่นชมมากกว่าพระองค์ (คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ของเจ้าหญิงมาซาโกะ มกุฎราชกุมารีแห่งญี่ปุ่นในปัจจุบัน) ภาระทั้งหมดกลับตกไปที่ไดอานาในฐานะที่ควรจะ "ทรงทนให้ได้" เจ้าหญิงพยายามอย่างยิ่งที่จะพยายามเชื่อความสัมพันธ์ของพระองค์กับชาลส์ไว้ให้นานที่สุด แต่ไม่เป็นผล สื่อมวลชนประโคมข่าวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเจ้าฟ้าชายชาลส์กับคามิลลา อย่างครึกโครม รวมทั้งประโคมข่าวระหว่างเจ้าหญิงกับผู้ชายอีกหลายคน นั่นทำให้ทั้ง 2 พระองค์คิดว่า เรื่องราวทั้งหมดควรจะจบลงเสียที ความสัมพันธ์ของทั้งสองพระองค์ในขณะนั้น สื่อมวลชนเรียกว่า "สงครามแห่งเวลส์" (War of Waleses)
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ สงครามแห่งเวลส์
[แก้] พระกรณียกิจ
เจ้าหญิงแห่งเวลส์ได้ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจมากมายหลายประการ ดังนี้
- ด้านโรคเอดส์ ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1987 เจ้าหญิงแห่งเวลส์ทรงเป็นบุคคลสำคัญคนแรกของโลกที่ถูกถ่ายรูปว่าจับต้องตัวผู้ป่วยโรคเอดส์ ความคิดและทัศนคติต่อคนที่ป่วยเป็นโรคเอดส์เปลี่ยนไปทันที และคนป่วยเองก็มีกำลังใจมากขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะจากคำพูดของ บิล คลินตัน ได้กล่าวถึงไดอานา ในปี ค.ศ. 1987 ว่า การแสดงออกของไดอานา ทำให้หลายคนทั่วโลกได้เปลี่ยนความคิดในเรื่องผู้ป่วยโรคเอดส์ และยังมอบความหวังให้กับผู้ป่วยในขณะเดียวกัน
- ต่อต้านกับระเบิด เจ้าหญิงเสด็จไปในการทรงต่อต้านการวางกับระเบิด ในฐานะที่ทรงเป็นสมาชิกวิสามัญของสภากาชาดแห่งอังกฤษ ภาพที่พระองค์ทรงจับมือเด็กหญิงที่ถูกกับระเบิดกำลังจะสิ้นใจตราบกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของเธอ นำความเศร้าอย่างยิ่งให้กับโลก
นอกจากนี้ในด้านอื่น เจ้าหญิงทรงมีความสนพระทัยอย่างยิ่งในศาสนา นอกจากนี้พระองค์ยังเคยทรงเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระสันตปาปาจอห์น ปอล ที่ 2 อีกด้วย และยังทรงโปรดการที่ได้เล่นกับเด็กโดยไม่ถือพระองค์ ทโดยรงเป็นแม่ทูนหัวของเด็กถึง 17 คน ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเพราะพระองค์ทรงเคยเป็นครูที่โรงเรียนอนุบาลมาก่อนก็ได้ ในด้านการต่างประเทศทรงเป็นทูตสันถวไมตรีในหลายๆ ประเทศ การเสด็จของพระองค์นำความยินดีให้กับทุกคนที่จะได้เฝ้าฯ เป็นที่น่าเสียดายว่าก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ไม่นานทรงมีหมายกำหนดการที่จะเสด็จเยือน จังหวัดภูเก็ต แต่แผนการได้ถูกยกเลิกไป
[แก้] เหตุการณ์สิ้นพระชนม์
[แก้] อุบัติเหตุ
เมื่อวันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2540 เวลา 07.30 น. มีผู้พบเห็นไดอานาเสด็จลงจากเครื่องบินที่มีต้นทางจากประเทศกรีซ ที่สนามบินในกรุงปารีส ในเวลาประมาณ 08.00น.เจ้าหญิงได้เสด็จขึ้นรถ เมอร์ซีเดส เบนซ์ สีดำรุ่น E600 รุ่นปี 1997 ออกจากสนามบินอย่างรวดเร็ว พร้อมกับทรงนัดพบกับ โดดี อัลฟาเยด์ ที่อพาร์ตเมนต์กลางกรุงปารีส หลังจากนั้น เวลาประมาณ 13.45 น. มีผู้พบเห็นไดอานากับนายโดดี พร้อมองครักษ์ อีกครั้งขณะช็อปปี้งในย่านถนน "ชองเอลีเซ่" ขณะนั้นช่างภาพอิสระรุมถ่ายพระฉายาลักษณ์พระองค์กับนายโดดี โดยเวลา 16.40 น. เจ้าหญิงจึงเสด็จกลับ มีการดักฟังทางโทรศัพท์ว่า เจ้าหญิงจะทรงพบกับนายโดดีอีก ที่โรงแรมริทซ์เพื่อเลี้ยงพระกระยาหารค่ำในเวลา 20.30 น. และเจ้าหญิงได้เสด็จถึงโรงเเรมเมื่อเวลา 19.55 โดยในระหว่างเวลา 20.30-23.30 น. เจ้าหญิงทรงอยู่ในงานเลี้ยงอันหรูหราของนายโดดี แต่มีรายงานการใช้โทรศัพท์ของเจ้าหญิงว่าทรงโทรศัพท์ไปหาโหรหญิง พระสหายสนิทพระองค์ เพื่อทำนายดวงชะตาและขอคำปรึกษาปัญหาชีวิต
ก่อนเที่ยงคืนเล็กน้อยเจ้าหญิงเสด็จออกจากโรงแรมเพื่อกลับที่ประทับ ช่างภาพอิสระชุดเก่าที่จึงสะกดรอยตามพระองค์อีกครั้ง จนมาถึงถนนลอดอุโมงค์ Point De Alma ใต้แม่น้ำเซน ที่ชื่อว่า แต่รถพระที่นั่งซึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วประมาณ 126 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อหลบหนีการตามล่าของเหล่านักภาพ ก็ได้พุ่งชนกับแผงราวเหล็กกั้นอุโมงค์อย่างจัง เนื่องจากถนนลอดอุโมงค์มีความลาดชันมาก ทำให้รถยนต์พระที่นั่ง หมุนตัวและพุ่งชนแผงเหล็กอีกด้านหนึ่ง ส่งผลให้หม้อน้ำเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง โดยเฮนรี พอลล์ คนขับรถและนายโดดี เสียชีวิตทันที ส่วนเจ้าหญิงและนายเทรเวอร์ เรสยอนส์ องครักษ์ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหญิงมีบาดแผลฉกรรจ์ที่พระพักตร์ พระโลหิตออกมากและยังมีพระโลหิตไหลในปัปผาสะ
เมื่อเวลา 00.15 น. รถพยาบาลคันแรกของโรงพยาบาลเซ็นต์เดอลาปีแอร์ มารับเจ้าหญิงและองครักษ์ หลังจากนั้นอีกชั่วโมงกว่า แต่เจ้าหญิงนั้นทรงเสียพระโลหิตมาก และยังทรงมีพระโลหิตตกค้างที่พระปัปผาสะอยู่เป็นจำนวนมากด้วย พระอาการทรงตัวต่อมาเรื่อยๆ จนเมื่อเวลา 03.35 น. พระหทัยอ่อนพระกำลังลงเรื่อยๆ ซึ่งในขณะนั้นชีพจรอยู่ที่ 23 ครั้งต่อนาที
[แก้] สิ้นพระชนม์
หลังจากนั้นอีกประมาณครึ่งชั่วโมง เวลา 04.00 น. ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์สิ้นพระชนม์ด้วยพระอาการพระโลหิตไหลในพระปับผาสะและสูญเสียพระโลหิตมาก ส่วนนายเทรเวอร์ เรสยอนส์ องครักษ์นั้นเป็นคนเดียวในอุบัติเหตุที่รอดชีวิต สำนักพระราชวังบักกิ้งแฮมได้ออกแถลงการณ์ยืนยันในวันรุ่งขึ้น และแจ้งว่าเจ้าฟ้าชายชาลส์ เจ้าชายวิลเลียม และ เจ้าชายแฮร์รี่ ได้ทรงทราบข่าวแล้ว สมเด็จพระราชินีนาถ พระราชทานพระราชานุญาตให้จัดงานพระศพได้ที่เวสมินตัน โดยพระราชวงศ์ทุกพระองค์ได้เสด็จเข้าร่วมพิธีพระศพ เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รี่ซึ่งยังคงทรงโศกเศร้ามากนั้น มีคุณปีเตอร์ฟิลิปส์ (พระโอรสในเจ้าฟ้าหญิงแอนน์) จับมือและคอยให้กำลังใจตลอดเวลา แขกสำคัญนอกจากพระราชวงศ์ทุกพระองค์แล้วยังมีครอบครัวสเปนเซอร์ทุกคน และมีผู้ร่วมไว้อาลัยประมาณ 3,500 คน
[แก้] ถวายการไว้อาลัยแด่เจ้าหญิงแห่งเวลส์
ผู้คนทั่วทั้งโลกล้วนตกตะลึงและโศกเศร้ากับข่าวการสิ้นพระชนม์ของไดอาน่า ดอกไม้หลายล้านดอกและจดหมายนับล้านๆ ฉบับถูกส่งถึงหน้าพระราชวังเพื่อไว้อาลัยถวายแด่เจ้าหญิงแห่งเวลส์ โดยมีบุคคลสำคัญที่ได้แสดงความไว้อาลัยแก่ไดอานา เช่น สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 เลดีซาราห์ แม็กคอเดลและ เลดีเจน เฟเลอว์ พระเชษฐภคินีของเจ้าหญิง เอิร์ลแห่งสเปนเซอร์ พระอนุชา และเซอร์เอลตัน จอห์น ได้ร้องเพลง Candle in the wind เพื่อบรรเลงถวายอาลัยแก่ไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์ในงานพระศพ
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ ไว้อาลัยถวายไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์
[แก้] พระราชพินัยกรรม
หลังพระองค์สิ้นพระชนม์ ได้มีการเปิดพินัยกรรมในวันที่ 2 มีนาคม ปีถัดมา สาระสำคัญของพินัยกรรมคือ
- ทรงพระประสงค์ให้พระมารดาและนายพลแพทริค เป็นผู้รับผิดชอบและจัดการทรัสต์ของพระองค์
- พระองค์ทรงพระประสงค์ให้ปลงพระศพโดยการฝัง
- หากว่าพระองค์และพระสวามีสิ้นพระชนม์ก่อนที่พระโอรสทั้งสองพระองค์จะมีพระชนม์ได้ 20 พรรษา ทรงมีพระประสงค์ให้พระมารดาและพระอนุชา (เอิร์ล คนที่ 9 แห่งสเปนเซอร์) เป็นผู้ปกครองเจ้าชายทั้ง 2 พระองค์
- พระองค์ยินดีที่จะจ่ายภาษี
ทรัสต์ของไดอานามีทรัพย์สินรวมมูลค่าทั้งหมดประมาณ 35,600,000 ดอลล่าร์ซึ่งหลังจากจ่ายภาษีแล้วจะเหลือประมาณ 21,300,000 (21 ล้าน 3 แสน) ดอลล่าร์ พระองค์ทรงโปรดให้แบ่งทรัพย์สินประทานให้แก่ลูกเลี้ยงของพระองค์ทั้ง 17 คนก่อน คนละ 82000 ดอลล่าร์ พระราชทรัพย์ที่เหลือนั้น ให้เก็บรักษาไว้จนกว่าเจ้าชายแฮร์รี่จะมีพระชนม์ 25 พรรษา (และหากว่าทรัสต์มีผลกำไรงอกเงยขึ้นมา) ให้แบ่ง (ทั้งเงินต้นและกำไรของทรัสต์) เป็นสองส่วนเท่าๆ กัน ประทานแก่พระโอรสทั้ง 2 พระองค์
ทั้งนี้พระโอรสทั้งสองพระองค์ และลูกเลี้ยงทั้ง 17 คน จะต้องมีชีวิตอยู่หลังจากพระองค์สิ้นพระชนม์แล้วอย่างน้อย 3 เดือนจึงจะมีสิทธิ์รับมรดกตามพระราชพินัยกรรม [4][5]
[แก้] พระอิสริยยศ
ไดอาน่าทรงดำรงพระอิสริยยศต่างกันตามช่วงเวลาดังนี้
- The Honourable Diana Frances Spencer (1 กรกฎาคม พ.ศ. 2504 – 9 มิถุนายน พ.ศ. 2518
- The Lady Diana Frances Spencer (9 มิถุนายน พ.ศ. 2518 – 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2524
- Her Royal Highness the Princess of Wales (29 กรกฎาคม พ.ศ. 2524 – 28 สิงหาคม พ.ศ. 2539
- Diana, Princess of Wales(28 สิงหาคม พ.ศ. 2539 – 31 สิงหาคม พ.ศ. 2540)[6]
สำหรับพระนามและพระอิสริยยศเต็มๆ ของพระองค์นับตั้งแต่พระราชพิธีอภิเษกสมรสจนถึงทรงหย่าคือ
- Her Royal Highness The Princess Charles, Princess of Wales and Countess of Chester, Duchess of Cornwall, Duchess of Rothesay, Countess of Carrick, Baroness of Renfrew, Lady of the Isles, Princess and Great Stewardess of Scotland. [7]
[แก้] เกร็ดข้อมูล
- เจ้าหญิงทรงเป็นญาติกับจอร์จ ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา กล่าวคือถ้านับย้อนบรรพบุรุษของไดอานาขึ้นไป 13 ชั่วรุ่น และนับบรรพบุรุษของจอร์จย้อนขึ้นไป 12 รุ่น จะพบว่าบรรพบุรุษของทั้งสองเป็นพี่น้องกัน
[แก้] อ่านเพิ่มเติม
- เจ้าหญิงไดอานาในดวงใจ
- Royal Duty แต่งโดย พอล เบอร์เรลล์
- Diana, Her true story แต่งโดย แอนดรูว์ มอร์ตัน
- Diana, Her new life แต่งโดย แอนดรูว์ มอร์ตัน
[แก้] ดูเพิ่ม
- เจ้าฟ้าชายชาลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์
- เจ้าชายวิลเลียม
- เจ้าชายแฮร์รี
- เจ้าหญิงแห่งเวลส์
- คามิลลา ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์
- งานพระศพ
- พระศพสู่สุสาน
[แก้] อ้างอิง
- ↑ หลังจากที่เมื่อราว 400 ปีก่อนเลดีแอนน์ได้เสกสมรสกับเจ้าฟ้าดยุคแห่งยอร์คและอัลบานี (ต่อมาคือพระเจ้าเจมส์ที่ 2) หากแต่ความแตกต่างคือชาลส์เป็นรัชทายาทโดยนิตินัย แต่เจมส์เป็นรัชทายาทโดยพฤตินัย รัชทายาทโดยนิตินัย (heir apparent) คือผู้ที่ดำรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าชายแห่งเวลส์ ตามพระราชโองการจากกษัตริย์ ในขณะที่ รัชทายาทโดยพฤตินัย (heir presumptive) เป็นรัชทายาทเพราะเป็นลำดับที่ 1 แห่งการสืบสันตติวงศ์ แต่ไม่มีการแต่งตั้ง และลำดับอาจถูกลดลงไปก็ได้เมื่อมีพระราชกุมารพระองค์ใหม่ที่ทรงสิทธิ์สูงกว่าประสูติ เช่นปัจจุบันเจ้าชายแฮร์รี่เป็นรัชทายาทลำดับที่ 3 หากแต่ถ้าเจ้าชายวิลเลี่ยมมีพระโอรสหรือพระธิดา เจ้าชายหรือเจ้าหญิงพระองค์นั้นจะเป็นรัชทายาทลำดับที่ 3 แทน และเจ้าชายแฮร์รี่จะกลายเป็นรัชทายาทลำดับที่ 4
- ↑ ธรรมเนียมของฝั่งยุโรปนั้นหญิงที่แต่งงานกับชายโดยถูกต้องตามกฏหมายจะ "ต้อง" ได้รับยศทั้งหมดของสามีมา แม้ว่าหญิงนั้นจะมียศเดิมของตัวเองสูงกว่าก็จะไม่เสียยศเดิมของตนไป (เช่นเจ้าหญิงอเลกซานดร้า ไม่ได้ทรงเสียยศเจ้าหญิงของพระองค์เองไป และทรงเป็นเลดี้โอกิลวี่จากการสมรสกับเซอร์โอกิลวี่ด้วย) ในที่นี้ชาร์ลส์เป็น "เจ้าฟ้า" เพราะเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าแผ่นดิน ไดอาน่าผู้เป็นพระสุณิสา (Daughter-in-law) ก็ย่อมต้องเป็นเจ้าฟ้าด้วยตามพระราชสวามี
- ↑ ไดอานาเป็นเจ้าหญิงแห่งเวลส์คนแรกที่มาจากสามัญชน เจ้าหญิงแห่งเวลส์พระองค์ก่อนเช่นสมเด็จพระราชินีแมรี่นั้น ทรงเป็นเจ้าหญิงตั้งแต่ประสูติอยู่แล้ว หลังจากทรงเสกสมรสจึงสามารถใช้พระนามว่า Her Royal Highness the Princess Mary, the Princess of Wales ได้ แต่สำหรับไดอานาซึ่งมิใช่เจ้าหญิงจากราชตระกูลนั้น ไม่สามารถที่จะใช้พระนามว่า เจ้าหญิงไดอานาได้
- ↑ พระราชพินัยกรรมฉบับเต็ม
- ↑ ในวันที่เปิดพินัยกรรมนั้นเป็นวันที่ 2 มีนาคมของปีถัดมา นับว่าเป็นเวลามากกว่า 3 เดือนแล้วหลังจากการสิ้นพระชนม์ ดังนั้นลูกเลี้ยงของพระองค์ทั้ง 17 คนควรจะได้รับเงินมรดกคนละ 82,000 ดอลล่าร์ตามพระราชพินัยกรรม หากแต่ 1 สัปดาห์ภายหลังการเปิดพินัยกรรม พระมารดาของเจ้าหญิงและเลดีซาราห์ แม็กคอเดล พระเชษฐภคินีคนโต ตัดสินใจเปลี่ยนพินัยกรรม โดยแทนที่จะมอบเงินให้ 82,000 ดอลล่าร์ ทั้งสองให้สิทธิ์เด็กทั้ง 17 คนที่จะได้เลือกของ 1 อย่างที่เป็นของไดอานาได้ตามใจชอบ
- ↑ ไดอาน่ายังคงทรงเป็นเจ้าหญิงแห่งเวลส์ เช่นเดียวกับที่ซาร่าห์ยังคงทรงเป็นดัชเชสแห่งยอร์ค ทั้ง 2 พระองค์ยังคงทรงเป็นสมาชิกแห่งพระบรมราชวงศ์อังกฤษ แต่ทั้งคู่มิได้ทรงเป็น "เจ้าหญิง" แห่งอังกฤษอีกต่อไป โดยทั้งสองพระองค์มีลักษณะคล้ายกับคามิลล่าในปัจจุบัน ซึ่งสมเด็จพระราชินีนาถพระราชทานพระบรมราชวินัจฉัยว่าเป็น "Royal Duchess non Princess"
- ↑ อย่างไรก็ตาม พระอิสริยยศข้างต้นมิได้ใช้ทั้งหมด ยกเว้นแต่ในกรณีที่เป็นทางการจริงๆ เท่านั้น หรืออาจใช้พระยศบางอย่างเป็นกรณีพิเศษเช่นเมื่อตอนที่เสด็จทรงเปิดส่วนที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ของสวนสัตว์ในเชสเตอร์ ทรงลงพระนามว่า ไดอานา ตามด้วยพระยศเจ้าฟ้าหญิงแห่งเวลส์ และเคานท์เตสแห่งเชสเตอร์ (Diana, Her Royal Highness the Princess of Wales and Countess of Chester) ยกเว้นในสก็อตแลนด์ พระองค์ได้รับการรู้จักในพระนาม Her Royal Highness the Duchess of Rothesay พระอิสริยยศ Princess Diana หรือ เจ้าหญิงไดอานานั้น ถือว่าไม่ถูกต้องตลอดทั้งพระชนม์ชีพ
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
- ((อังกฤษ)) มูลนิธิในโครงการของไดอานา
- ((อังกฤษ)) เว็บไซต์น้ำพุอนุสรณ์เลดี ไดอานา
- ((อังกฤษ)) ผังตระกูลของราชวงศ์ในยุโรป
เจ้าหญิงแห่งเวลส์ วันที่ที่แต่ละพระองค์ทรงพระอิสริยยศ |
โจน แห่งเค้นท์ (1361-1376) | แอนน์ เนวิลล์ (1470 - 1471) | แคเธอรีน แห่งอารากอน (1501-1502) | แคโรลีน แห่งอันสแบลช (1714 - 1727) | ออกัสต้า แห่งเสกกอตต้า (1736 - 1751) | แคโรลีน แห่งบรูนซวีช (1795 - 1820) | อเล็กซานดร้า แห่งเดนมาร์ค (1863 - 1901) | แมรี่ แห่งเทคซ์ (1901 - 1910) | ไดอานา สเปนเซอร์ (1981 - 1996) | คามิลลา ปากเกอร์ โบลส์* (2005 - ปัจจุบัน) หมายเหตุ: คามิลล่าไม่ได้ใช้พระอิสริยยศ เจ้าหญิงแห่งเวลส์ แต่ใช้ ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ แทน |